3รถสปอร์ตEV2022
3รถสปอร์ตEV2022 กับสุดยอดแห่งยนตรกรรม ที่สุดของสปอร์ตหัวใจไฟฟ้า ที่สุดของรถแห่งปี 2022 ที่คุณอาจยังไม่รู้จัก

3รถสปอร์ตEV2022 กับที่สุดของรถไฟฟ้า สุดเร็วระดับโลก ที่คุณอาจยังไม่รู้

3รถสปอร์ตEV2022 หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ ความเร็วสายสปอร์ต อีกทั้งยังโหยหา รถพลังงานไฟฟ้า งั้นนี่ก็คือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดกับ สุดยอดของรถสายสปอร์ต สุดเร็วแห่งปี 2022

กราบสวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ผู้อ่านที่แสนน่ารักและ ผู้อ่านที่กำลังสนใจ ในบทความที่เกี่ยวกับ บทความเกี่ยวกับ รถสปอร์ต กันทุกคนเลยนะ วันนี้ก็กลับมา พบกันอีกครั้ง กับผู้บรรยายที่แสนน่ารัก และแสนดีของคุณ ComBicJung และในวันนี้ผู้เขียน ก็มีบทความเกี่ยวกับ รถสปอร์ตที่น่าสนใจ มาแนะนำกันค่ะ

แต่ถ้าจะให้แนะนำ แค่รถสปอร์ต ก็คงจะไม่เข้าเทรนด์เท่าไร เพราะฉะนั้นแล้ว ในวันนี้นั้น ComBicJung ก็เลยจะมาแนะนำ 3รถสปอร์ตEV2022 รถสปอร์ตหัวใจไฟฟ้า สุดเร็วมาแนะนำ ในช่วงวิกฤติ น้ำมันแพงแบบนี้ค่า

งั้นอย่ารอช้ากันเลย เราเข้าไปทำความรู้จัก กันเจ้ารถไฟฟ้า สุดเร็วพวกนี้กันค่ะ

3รถสปอร์ตEV2022 อันดับที่ 1 Lotus Evija The first hyper Car of Loutus

ถ้าจะให้เรา พูดถึงรถสปอร์ต ก็คงปฏิเสธ ไม่ได้เลยนะคะว่า เจ้ารถสปอร์ตไฟฟ้า ที่เรียกได้ว่าติดตา ของผู้ที่ติดตามข่าว จากแบรนด์ดังอย่าง โลตัส ที่ชื่อว่าเจ้ารถ Evija คือรถสปอร์ตระดับต้น ๆ ที่ใครก็ต้องพูดถึง เพราะด้วยความเร็ว ที่เรียกได้ว่าเข้าขั้นรถ Hyper Car

แบบไม่สนใจพี่ ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ แบบดีเซลกันเลย ถึงแม้ว่าข่าว การเปิดตัวของ Evija จะมีตั้งแต่ช่วงปี 2019 - 2020 แต่ถ้าเทียบกับความเร็ว ของรถไฟฟ้า สายสปอร์ตในปัจจุบัน อีวาจา ไม่เคยเป็นสองรองใคร แม้จะมีน้อง ๆ มาใหม่จากหลายค่าย

แต่ความเร็วของ อีวาจาต้องบอกเลยค่ะว่า ยืนที่หนึ่งจริง ๆ เพราะด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่แยกการทำงาน ระหว่างล้อถึง 4 ตัวทำให้เจ้ารถสปอร์ต หัวใจไฟฟ้าคันนี้ สามารถสร้างแรงม้าได้มากถึง 1,973 แรงม้าทั้งนี้นั้น “ความแรง” ก็ไม่ใช่ที่สุดของการชี้วัดว่า

รถคันนี้คือ สุดยอดของรถไฟฟ้า สายสปอร์ตระดับต้น ๆ ของโลกถ้าหากขาด สิ่งที่เรียกว่า น้ำหนักที่สมดุล เจ้ารถอีวาจาคันนี้ มีน้ำหนักรวมเพียงแค่ 1,680 กิโลกรัมเท่านั้น แต่ถ้าจะให้เทียบกับ รถสปอร์ตรุ่นพี่ ๆ ในค่ายของตัวเอง

อีวาจาอาจจะ ดูอ้วนไปเสียหน่อย เพราะน้ำหนักของรุ่นพี่ ที่เบากว่าถึง 238 กิโลกรัมนั้นเอง เลยทำให้คนส่วนใหญ่ มักจะคิดว่า อีวาจาจะเป็นรถไฟฟ้า ที่ไม่สามารถทดแทน รุ่นพี่ที่ใช่เครื่องยนต์ ประเภทดีเซลได้ แต่ถ้าเทียบกับ

รถ HyperCar ด้วยกันแล้วนั้นอีวาจา นับว่าเป็นรถไฟฟ้า ที่มีน้ำหนักเบากว่าอยู่มาก และทั้งหมดนี้ยังไม่ใช่ “อาวุธลับ” ของรถอีวาจาเท่านั้น อีวาจายังมีอาวุธลับ ที่ใช่ต่อสู้กับรถ HyperCar อื่น ๆ อีกนั้นก็คือ ระบบการต้านเชิงกลศาสตร์ รูปแบบของ FT

พร้อมรูปทรงปีกหลัง ที่ใช้ในการทรงตัวแบบ DRS ถ้าพูดมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่นึกไม่ออกอีกละก็ ให้นึกถึงระบบ ลดการต้านแรงลม แบบรถระดับ F1 ที่ช่วยลดค่าแรงเสียดทาน พร้อมทำให้รถ ยึดเกาะถนนได้ดีมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ถ้าพูดถึง แค่องค์ประกอบของ ความเร็วเพียงอย่างเดียว อีวาจาก็ไม่มีทาง ที่จะเป็นรถไฟฟ้าระดับต้น ๆ ได้เลยถ้าหากขาด ความสามารถในการใช้งาน และแน่นอนว่าอีวาจานั้น ก็สามารถใช้งานได้จริงเสียด้วย เพราะด้วยการชาร์ต เต็มถังเพียงครั้งเดียว

อีวาจาก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรอีกทั้งตัวชาร์จ ยังสามารถชาร์จไฟ ให้เต็มถังได้ภายในเวลาเพียงแค่ 18 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยนะว่า ทำไมเจ้ารถคันนี้ ถึงได้มาอยู่เป็นอันดับต้น ๆ ของเราค่ะ

3รถสปอร์ตEV2022

3รถสปอร์ตEV2022อันดับที่ 2 Genesis Essentia รถสปอร์ตไฟฟ้าจากแดนเกาหลี

ถ้าเราจะพูดถึง 3รถสปอร์ตEV2022 ก็คงมีเจ้าคันนี้อยู่ด้วย GenesisEssentia รถสปอร์ตไฟฟ้า ดีไซน์สุดล้ำ จากแดนกิมจิ โดยผู้พัฒนาคือ Hyundai โดยรถคันนี้ ยังไม่ถูกออกมาโปรโมท อย่างเป็นทางการเสียเท่าไร ทั้งเรื่องของความสามารถ

อัตราการเร่งสูงสุด เท่าที่ทำได้ รวมไปถึงระบบ ทางการใช้งาน ว่าสามารถวิ่งได้ระยะเวลาเท่าไร แต่ที่เรารู้แน่ ๆ คือเจ้ารถคันนี้ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ที่ 0 จนถึง 96 รอบหมุนได้ภายในเวลา 3 วินาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็น รอบการทำงานที่ไวมาก ๆ เมื่อเทียบกับรถประเภทดีเซล

เจ้าตัวรถรุ่น Genesis-Essentia ถือว่าเป็นรถสปอร์ตราคาไม่แรง ถึงแม้ว่าราคาจะสูงถึง 2.4 ล้านบาทแต่เมื่อเทียบกับ รถสปอร์ตสุดเร็วทั่วไปแล้ว ราคานี้ถือว่าถูกมาก ๆ ซึ่งถ้าใครที่เห็นดีไซน์แล้วบอกว่า ชอบความล้ำสมัยและอยากได้ คงต้องแสดงความเสียใจไว้ก่อนเลย

เพราะเจ้ารถคันนี้ ไม่มีแววว่าจะเข้ามาขาย ในประเทศไทยเลย และยอดการผลิต ก็ไม่ได้สูงอย่างที่คิดด้วย ก็ต้องเสียใจกับคนที่อยากได้ด้วยนะ

3รถสปอร์ตEV2022

3รถสปอร์ตEV2022อันดับที่ 3 Maserati GranTurismo

ก็มาถึงคัดสุดท้ายของ 3รถสปอร์ตEV2022 กันแล้วค่ะ นั้นก็คือรถสุดหรูของค่าย มาเซราติ ที่มีแผนว่าจะเปิดตัวในปี 2022 แต่ก็มีเหตุจะต้องเลื่อน เพราะด้วยปัญหาต่าง ๆ การปรับปรุง สเปคของตัวเครื่อง แต่ไม่กลัวนะคะ เพราะเจ้ารถสปอร์ตคันนี้ จะเปิดให้เห็นตัวจริงกัน ในงานปีหน้า 2023 แน่นอน

ถ้าจะให้เราพูดถึงคร่าว ๆ ว่าเจ้ารถคันนี้ มีอะไรบ้าง Maserati-GranTurismo คันนี้คือรถอีกคันของทางค่าย มาเซราติ ที่ตั้งใจออกรถ ที่เป็นไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์โดยพวกเขานั้น ทำให้เจ้ารถคันนี้ มีความแรงมาสุดถึง 1,200 แรงม้า

โดยความเร็วถูกระบุไว้ว่า สามารถวิ่งได้ไวมากสุดถึง 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่า ก็ไวสมกับการเป็น รถสปอร์ตสุดหรู แต่นอกจากนี้ ตัวรถจะยังถูกวางแผน ให้มีการวางจำหน่าย ในปริมาณมาก และราคาก็ไม่ได้สูง จนเกิดความสามารถ

อีกทั้งตามแผนการผลิต เขาวางเอาไว้ว่า จะให้รถรุ่นนี้ออกขาย ตามราคาแยก ตามสเปคของรถ ซึ่งจะมีราคาต่างกันเท่าไร และมีความสามารถ ห่างกันแค่ไหน เราก็ต้องไปดูกัน ในงานเปิดตัวปีหน้านั้นเองค่ะ

3รถสปอร์ตEV2022

คิดว่ารถพวกนี้จะจำเป็น ต่อการใช้งานในชีวิตจริงหรือไม่?

ถ้าจะถามว่ารถพวกนี้ จะมีโอกาสใช้งานได้จริงไหม สำหรับคนเขียนแล้ว คิดว่าคงไม่มีเงินมาพอ จะซื้อรถพลังงานไฟฟ้า สายสปอร์ตใช้หรอกค่ะ เพราะด้วยราคาที่แบบว่า ถ้าไม่ได้เหลือกิน ก็คงไม่ได้ซื้อเอาไว้ แต่ถ้ามีโอกาสได้ซื้อ

ก็คงอยากได้สักคัน เพราะถ้าด้วยช่วงนี้ ที่น้ำมันแพง รถไฟฟ้าถือว่าเหมาะมาก ๆ เลยค่ะ

ก็จบไปแล้วนะคะ เป็นอย่างไรกันบ้าง ชอบกันหรือเปล่าถ้าเพื่อน ๆ ชอบบทความนี้ ก็สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน กันได้เลยนะ รับรองว่ามีบทความเจ๋ง ๆ แบบนี้อีกเพียบเลยค่ะ

และถ้าชอบบทความแบบนี้ การเล่าแบบนี้ ก็สามารถให้กำลังใจโดยการแบ่งปันบทความนี้ ให้กับเพื่อนและคนที่คุณรักได้นะ และเอาไว้พบกันในบทความหน้า กับเพื่อนที่แสนน่ารัก ComBicJung สวัสดีค่ะ

เขียนโดย ComBic.III

McLaren720S
McLaren720S ซูปเปอร์คาร์ที่เบาและแข็งแกร่ง เครื่องยนต์วางกลาง สมรรถนะเหนือระดับ ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก!!

McLaren720S รถสปอร์ตซูปเปอร์คาร์ ที่ก้าวข้ามคำว่า รถซูปเปอร์คาร์ไปแล้ว McLaren ได้รวมเอาเทคโนโลยี ที่ใช้ในรถ F1 มารวมอยู่ในคันนี้

McLaren720S เป็นรถสปอร์ตหายากที่ออกแบบ และผลิตโดย McLaren Automotive ในอังกฤษ เป็นรถสองที่นั่ง น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “ซูเปอร์ซีรีส์” ของผู้ผลิตรถยนต์ เปิดตัวที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์

เนื่องจากเทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่เกิดขึ้นใหม่ ทำให้ยานพาหนะ ที่มีอายุมากล้าสมัย แต่นี่ไม่ใช่กรณีสำหรับ McLaren 720S รถสปอร์ตมาตรฐานคันนี้

McLaren 720S ได้รับการออกแบบ ทางวิศวกรรม ตั้งแต่เริ่มต้น จนได้รับฉายาว่า Today’s Greatest Supercar

บทความเกี่ยวกับ รถสปอร์ต McLaren 720S top speed คันนี้เป็นตัวอย่าง ที่ชัดเจนของมนต์ “ไม่เคยมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อ” เมื่อคนขับอยู่ หลังพวงมาลัย ทุกโอกาสในการขับเคลื่อน 720S ศูนย์รวมเทคโนโลยี นวัตกรรม พลังและความเร็ว

และไม่มีช่วงเวลาใด ของประสบการณ์ ด้วยความน่าทึ่ง ของประตูไดฮีดรัล อันเป็นเอกลักษณ์ของ McLaren มีเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่มีศักยภาพ เครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมันเบนซิน McLaren configurator ซึ่งกำหนดภายใน M840T

McLaren720S

เป็นเครื่องยนต์แปดสูบ ระนาบแฝดเทอร์โบชาร์จ 90 องศาที่แทนที่ 4.0 ลิตรและให้กำลัง 718 แรงม้า และแรงบิด 568 ปอนด์/ฟุต การกำหนดค่า V8 นั้นราบรื่นและทรงพลัง พร้อมบันทึกไอเสีย ที่โดดเด่นที่ส่งเสียงคำราม สุดรอบขอบไมล์ที่ 8,500 รอบต่อนาที

เทอร์โบชาร์จเจอร์ แบบเลื่อนคู่ช่วยให้มั่นใจได้ว่า พลังจะมาพร้อมกับ ความเร็วสูงที่สุด และยังคงแข็งแกร่ง โดยไม่คำนึงถึง อุณหภูมิแวดล้อม หรือระดับความสูง

ซอฟต์แวร์เครื่องยนต์คอมพิวเตอร์ จะปรับเพิ่มตามความเร็ว และการยึดเกาะที่มีอยู่ พลังอันมหาศาล ถูกส่งไปยังล้อหลัง ผ่านกระปุกเกียร์ คลัตช์คู่อัตโนมัติ 7 สปีด ที่เร็วราวสายฟ้า กับการเปลี่ยนเกียร์

ซูปเปอร์คาร์ที่สร้าง ความตื่นเต้นให้กับเจ้าของ แต่ก็ควรท้าทายด้วย หากเพียงรักษา ความตื่นเต้นในระดับสูง ทุกครั้งที่ขับ McLaren 720S ที่มีอัตราส่วนกำลัง ต่อน้ำหนักที่คุณ ไม่สามารถทำได้ แบบเต็มคันเร่ง ทำให้ผู้ควบคุม ใช้งานอยู่เสมอ ไม่มีอะไรน่าเบื่อ ในการขับรถรุ่นนี้ แปลกใหม่เร้าใจกว่าคาเฟอีน

สไตล์ที่ชวนหลงใหล การควบคุมที่น่าทึ่ง พร้อมการขับขี่ที่ อัตราเร่งที่ดูเหมือน ไม่มีที่สิ้นสุด McLaren 720S price เริ่มต้นที่ 26 ล้านบาท ไปจนถึง 30 ล้านบาท หรือถ้าใครสนใจแนว รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน ต้องติดตามเพจกันไว้ ยังมีข้อมูลรถ อีกหลากหลาย ให้ติดตามกัน

roadmap

รถซิ่งยุค90
รถซิ่งยุค90 รถซิ่งสุดฮิตยุค 90 !! ใครทันรถพวกนี้ยกมือขึ้น รวมรถซิ่งที่พ่อบ้านต้องรู้จัก รู้งี้ซื้อเก็บไว้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ราคาหลักล้าน

รถซิ่งยุค90 ย้อนอดีตซิ่งวันวาน “รถซิ่งยุค 90” ตอนป้ายแดงหลักแสน พอเป็นมือสองหลักล้าน

รถซิ่งยุค90 รถซิ่งเป็นอีกหนึ่ง ของสะสม ของคนที่ชอบความเร็ว และอาจเป็นรถในฝัน ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ก็ยังครองความคลาสสิค และเป็นขวัญใจ รถซิ่งทุกสมัย และหนึ่งใน รถซิ่ง ยอดนิยม ขวัญใจชาวรถซิ่ง

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า รถญี่ปุ่นเป็นตำนาน เป็นที่ต้องการของตลาด ในปัจจุบันอย่างมาก วันนี้เราได้รวบรวม รวมรถซิ่ง 90 ที่เป็นที่นิยม และหลาย ๆ คนซื้อเก็บสะสม จนราคาขึ้นสูง รถซิ่งยุค90 จะมีรุ่นไหนกันบ้าง ตามมาดูกัน

รถยุค 90 ตำนานรถซิ่งฮิตตลอดกาล มีรุ่นไหนกันบ้าง ?

รถซิ่งยุค90

toyota supra รถซิ่งยุค90 รถซิ่งในตำนาน ของ Toyota ที่ออกมาก็ทำยอดขาย พุ่งทะยานจนเป็นที่รู้จักในวงการ รถซิ่งของทางฝั่งญี่ปุ่น จุดกำเนิด Supra นั้นย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1978 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2 สูบ เบนซิน 2.0 6สูบและ 2.6 ลิตร 6 สูบ ระบบเกียร์ Overdrive ทั้งระบบเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติ

และในปี ค.ศ.1979 ก็ถูกผลิตส่งออก นอกประเทศ และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยม มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั้นก็คือรุ่น Generation 4 ที่หลาย ๆ คนคุ้นตาในภาพยนตร์ Fast and Furious นั้นเอง และในปี 1998 ถูกยกเลิกจำหน่ายในสหรัฐ และยุติการผลิตไปในปี 2002

หลังจากหายไป 17 ปี ก็กลับมาในรูปแบบ Toyota Supra Generation 5 ในปี 2019 โดยการปรับโฉมใหม่ โดยรถต้นแบบคือ Toyota FT1 Sport Coupe Concept รองรับ Apple car

และทำงานออกแบบร่วมกับ BMW แต่ยังคงกลิ่นอายของโตโยต้าอยู่ และการกลับมาครั้งนี้ ผลตอบรับยังดีเกินคาด ทำให้ครองใจ ผู้บริโภครถซิ่ง จากทั่วโลกจนเป็นตำนาน

เจ้าของฉายา เจ้าก็อตซิล่าล้มยักษ์ จนกลายเป็นตำนาน

รถซิ่งยุค90

SKYLINE R32 GT-R รถซิ่งยุค90 เจ้าของฉายา ก็อตซิล่า และสามารถล้มยักษ์ใหญ่ ของออสเตรเลีย จากการแข่งขัน หลายปีซ้อน รถในตำนานของ แดนปลาดิบรุ่นนี้ เป็นอีกรุ่น ที่เปิดตัวเดือนสิงหาคม ปี 1989 หลังจากที่หยุดผลิตไป 16 ปี

ซึ่งไม่มีใคร ไม่รู้จัก รถซิ่งยุค 90 ที่นักแข่งและคนที่ชอบ สะสมรถซิ่งต้องมี และเป็นรถที่ได้รับความนิยม ไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบัน ใครที่มีรถรุ่นนี้ นับเป็นของสะสม ที่มีมูลค่าสูงมาก ๆ ทั้งในไทยและญี่ปุ่น

ซึ่งเจ้า SKYLINE R32 GT-R ถูกนำมาแข่งขัน ในรายการ Japanese Touring car ในญี่ปุ่น จนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นรถ ที่เป็นตำนาน จนถึงปัจจุบัน

สุดยอดขุมพลัง เครื่องยนต์โรตารี่

รถซิ่งยุค90

RX-7 ไม่มีใครไม่รู้จัก สุดยอดเครื่องยนต์ ไร้ก้านลูกสูบ ที่มาพร้อมหน้าตา ที่โฉบเฉี่ยวโดดเด่น ที่ในปัจจุบัน ราคาพุ่งกระฉูด เป็นที่ต้องการ ในท้องตลาดรถซิ่ง และนักสะสม ซึ่งเจ้า RX- 7 นั้นเป็นผลการออกแบบของ มัตซึบุโร่ มาเอดะ ผลิตในช่วงปี 1978-1985

เป็นรถคูเป้ 2 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นรถ ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในเจนเนอเรชั่น 1 ด้วยยอดขายเกือบ 5 แสนคัน และเจนเนอเรชั่น 2 เกือบ 3 แสนคัน และเดินทางมาถึง เจนเนอเรชั่น 3 ถูกพัฒนาให้เป็น รถสปอร์ตแบบเต็มตัว

แต่ก็ทำให้ยอดขายลดลง และสิ้นสุดการผลิต ในปี 2002 ซึ่งเราน่าจะคุ้นตา ในภาพยนตร์ Fast and Furious ที่ทางนักแสดงนำ โดมินิค โทเร็ตโต้ นำมาขับในภาพยนตร์ ในภาค Tokyo Drift

รถซิ่งยุค90 ตำนานที่ไม่มีวันตาย ครองใจสายซิ่งในไทย

Honda Civic EG 3D จัดเป็นอีกรุ่น รถเก๋งยุค90แต่งสวย ที่ราคาปัจจุบันพุ่งไม่หยุด สายซิ่งหาซื้อสะสม จนกลายมาเป็นตำนาน รถแต่งแห่งยุค 90 อีกคันก็ว่าได้ ซึ่งเจ้า 3 Door เปิดตัวในไทยครั้งแรก ในปี 1993 ยอดขายถล่มทลาย กระแสตอบรับดีมาก จนต้องปิดการจองรถ เนื่องจากไม่สามารถผลิตทันจำหน่าย ซึ่งเครื่องยนต์นั้น 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร ซึ่งในปัจจุบัน เจ้า 3 Door ยังคงครองใจ สายซิ่งนักแข่งรถ ทั้งในไทยและญี่ปุ่น เป็นอีกรุ่นที่กลายเป็นของสะสมไปแล้ว

Lancer Evolution สุดยอดรถซิ่ง สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร็ว เปิดตัวรุ่นแรกในปี 1991 ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 260 แรงม้า และในอีกหลายเวอร์ชัน ที่ครองใจสำหรับ สายซิ่งทั้งหลาย และรุ่นล่าสุดและรุ่นสุดท้ายคือ Evolution X เป็นจุดสิ้นสุดของ Lancer Evolution แต่ยังคงเป็นรถในตำนาน ที่สายซิ่งนิยม และให้ความสนใจ

กว่าจะเดินทางมาเป็นตำนาน นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านบททดสอบ และพิสูจน์ผลงาน กันมายาวนาน จนกลายมาเป็นรถในตำนาน ที่ครองใจสายซิ่ง จนถึงปัจจุบัน หลาย ๆ รุ่นเราคงเห็น ผ่านการส่งต่อ มาอย่างยาวนาน และยังคงเป็นที่ต้องการ ของตลาดรถยนต์ ที่ตามหาและซื้อขาย

จนกลายเป็นของสะสม อีกชิ้นหนึ่งที่ราคาพุ่งสูงแค่ไหน ก็เป็นที่ต้องการในตลาด บางรุ่นกลายเป็นรถในฝัน ที่มีคุณค่าทางจิตใจ รวมไปถึงความเป็นรถคลาสสิค ในยุค 90 ที่ไม่มีวันตาย ไปจากความทรงจำ ของใครหลาย ๆ คนได้เลย และเว็บเราก็มี แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ หรือตำนานของรถยี่ห้อต่าง ๆ อย่างเช่น ตำนานปอร์เช่ เว็บเราก็มีครบ ไม่ว่าคุณอยากรู้เรื่องอะไร ที่เกี่ยวกับรถ

 

เรียบเรียงโดย แพรรี่คนสวย

Apple car
Apple carความล้ำสมัย เพื่อตอบรับกับความต้องการ ของผู้คนในยุคนี้ จะเป็นแบบไหนนั้นต้องตามมาดูกัน

Apple car เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง จากบริษัทสมาร์ตโฟน ที่หันมาผลิตยานยนต์ เพื่อตอบรับความต้องการ ของผู้คนในยุคสมัยนี้ ที่ต้องการเข้าถึงความล้ำสมัยให้มากที่สุด

Apple car กำลังเป็นที่จับตามองของผู้คนทั่วโลก ในช่วงที่ผ่านมาหลายคนน่าจะได้ยินข่าวลือมากมาย ที่เชื่อมโยงถึง แผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ที่ไร้คนขับจาก บริษัท Apple มีท่าทีว่าไปจับมือกับ บริษัทผลิตรถยนต์ Hyundai

หรืออีกกระแสข่าวก็คือกับ Kia ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ในเครือ Hyundai แต่ในเวลาต่อมา ก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ว่าการพูดคุยกัน ต้องหยุดลงชั่วคราว หรือล้มเลิกไปนั่นเอง

Apple car

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา สื่อชื่อดังอย่าง Bloomberg ได้เปิดเผยว่า การพูดคุยทั้งสองบริษัท Apple และ Hyundai ยังไม่มีข่าวดีเกิดขึ้น หรืออาจจะไม่มีการทำงานกันเกิดขึ้น

ในเวลาต่อมามีกระแสออกมาว่า บริษัทผลิตรถยนต์ สัญชาติญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Nissan อยู่ระหว่างการพูดคุย เรื่องดังกล่าวกับทางบริษัท Apple แทนโดยท้ายที่สุด ขณะนี้บริษัท Apple เอง ได้ออกมาพูดถึง เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า อยู่ระหว่างในการพูดคุยอยู่กับ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์และ บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก อยู่หลายบริษัทด้วยกัน

Apple car หากจะพูดถึง โครงการรถยนต์ไฟฟ้า โดยไร้คนขับ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป กับบริษัทไหนเลยในขณะนี้

อีกทั้งยังมีโครงการ เรื่องพัฒนาศักยภาพของ แอปเปิล คาร์ หรือ iCar ถูกเอาเก็บไว้ ยังไม่ได้ออกมาประกาศ อยู่อีกหลายขั้นตอน ซึ่งถ้าคำนึงถึง หลาย ๆ บริษัทที่มีความหวังว่า จะได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการครั้งนี้ เพื่อเป็นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ไร้คนขับ ร่วมกับบริษัท Apple

โดย Hyundai และ Kia ถือว่าเป็นบริษัท ชั้นนำระดับโลก ที่ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ ได้มีการพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ที่มีชื่อว่า KONA ซึ่งมีโรงงานผลิต ชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว อยู่ที่รัฐแอละแบมา และรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งข้อดีของ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ก็คือมีประสิทธิภาพในการชาร์จไฟได้มากกว่า 95% ได้เพียงใช้เวลาแค่ 20 นาที ถ้าหากชาร์จไฟเสร็จ ก็จะสามารถใช้งาน ได้มากกว่า 480 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยโครงการต่อไป ของบริษัท Hyundai ยังได้มีการร่วมกันพัฒนา กับบริษัทในเครืออย่าง Kia อีกด้วย

ซึ่งมีการ เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า มากกว่า 27 รุ่น อีกทั้งยังเน้น ที่จะเพิ่มจำนวน การผลิตให้ได้มากถึง 2 ล้านคัน ภายในปี 2024 โดยกระแสของ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น KONA นี้ ทำให้บริษัท Hyundai เกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าได้จับมือกับบริษัท Kia แล้ว ศักยภาพในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า น่าจะมีเอกลักษณ์ จนบริษัท Apple ต้องให้ความสนใจ อย่างแน่นอน

Apple car

ซึ่งหลังจากหลายคน ที่เฝ้าจับตามองว่า Hyundai มีการออกมาพูดถึง ประเด็นเรื่องการให้ ความสนใจที่จะ เข้าร่วมพัฒนาแอปเปิล คาร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่าบริษัท Apple ค่อนข้างไม่ชอบใจ กับการออกมา พูดถึงเรื่องดังกล่าว ต่อหน้าสื่อเช่นนี้มาก เนื่องจากทาง Apple ต้องการเก็บโครงการ Apple Car ให้เป็นความลับอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวลือว่า Apple มีท่าทีที่ต้องการจะหยุดการพูดคุย เป็นเพราะว่าไม่พอใจ กับเรื่องดังกล่าว จากเหตุการณ์นี้ อาจจะพูดได้ว่าบริษัท Apple มีตัวเลือกที่เป็น บริษัทรถยนต์ชั้นนำ ระดับโลก อย่างมากมายทั่วโลก นี้ยังไม่รวม บริษัทรถยนต์รายอื่น ๆ ที่กำลังติดต่อเข้ามา เพื่อพูดคุยกับบริษัท Apple ในอนาคต

หลายคนอาจจะ มีความคิดว่าบริษัท Apple สามารถนำเอา ความได้เปรียบที่มี เป็นตัวที่จะเลือก ใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์ จากทางด้านต่าง ๆ ของบริษัทที่มี จุดเด่นในแต่ละเรื่อง มาเป็นตัวเลือกเหล่านี้ เพื่อจับมือกัน คิดค้นรถยนต์ไฟฟ้า

หรือแท้จริงแล้วบริษัท Apple จะออกมาเปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจไม่ร่วมมือกับ บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เจ้าไหนเลยก็ได้ แต่จะเปลี่ยนเป็น เข้าซื้อบริษัทรถยนต์ หรือโรงงานผลิตรถยนต์ และดำเนินการผลิตรถเอง เลยก็เป็นได้

และเมื่อไม่นานที่ผ่านนี้ ทางบริษัท Apple ได้ออกมาเปิดเผยว่า บุคคลที่เป็นตัวหลักอย่าง Dr.Manfred Harrer ที่มีดีกรีเคยเป็นผู้นำ ในส่วนแชสซี ซึ่งรับผิดชอบ โครงสร้างรถให้กับ Porsche

โดยกระแสดังกล่าว ทางบริษัท Apple ได้ออกมาเปิดเผยว่า เรื่องของการคิดค้น การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ได้กล่าวถึงว่า ไม่ใช่ข่าวโคมลอย ซึ่งการได้เข้าร่วมของ Dr.Harrer ผู้นำในส่วนแชสซี ถือว่าเป็นเรื่องที่ สำคัญอย่างมาก เนื่องจากว่าในการผลิตรถยนต์นั้น ชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุด ถือได้ว่าคือโครงสร้าง ที่เป็นจุดศูนย์กลางก็คือ “แชสซี (Chassis)

Apple car

หากจะมอง ให้เห็นภาพง่าย ๆ แชสซีนั้นมีรูปร่าง โครงสร้างที่ทำมาจากเหล็ก ที่เชื่อมต่อกับตัวถัง รวมไปถึงเครื่องยนต์ ล้อรถยนต์ ระบบการขับเคลื่อน เพลาขับ ไปจนถึงช่วงล่างทั้งหมด ของรถเอาไว้ด้วยกัน

ซึ่งในคราวนี้บริษัท Apple ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเคยร่วมคิดค้น โครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัยให้กับรถ Porsche มาก่อน ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเคยอยู่ใน ทีมพัฒนาของ BMW และ Audi อีกด้วย ก่อนหน้าที่เขา จะได้มาเป็นวิศวกรและสร้างผลงาน ที่อยู่ในเครือ Volkswagen Group มามากกว่า 15 ปี

เขาได้รับหน้าที่ ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ทางด้านโครงสร้าง รถยนต์ไฟฟ้า ในแผนการที่มีชื่อว่า iCar ทั้งหมด ซึ่งทาง Apple มีความพยายาม ที่จะพัฒนารถยนต์ให้มี สุดยอดสมรรถนะ และเทคโนโลยี เรียกได้ว่าเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนใจ และจับตามอง จากผู้คนทั่วโลก ที่จะได้เห็นสิ่งที่ บริษัทเจ้ายักษ์ใหญ่ ในวงการสมาร์ตโฟน ที่หันมาผลิต รถยนต์ไฟฟ้า อย่างจริงจัง

ติดตามเรื่องราวของ มารู้จักCBR250RR กันต่อได้ที่ >>> บทความเกี่ยวกับ รถสปอร์ต

 

เรียบเรียงโดย อลิส

มารู้จักCBR250RR
มารู้จักCBR250RR Sport Bike ความคล่องตัวสูงขนาด 250cc รถที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่ ในตัวเมืองที่ให้ฟีลแบบนักแข่ง MotoGP

มารู้จักCBR250RR สุดยอดรถสายแข่ง ที่ทำออกมาเพื่อคนทั่วไป

มารู้จักCBR250RR หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ ในเรื่องของความเร็ว และการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ อีกยังเป็นสาวกของ ปีกนกยักษ์อย่าง Honda คุณก็ไม่ควรพลาด การป้ายยา ให้ซื้อรถคันนี้!!

กราบสวัสดีเพื่อน ๆ ผู้อ่านที่น่ารัก รวมไปถึงผู้อ่าน ที่สนใจในบทความอย่าง แนะนำ บอกเล่า ทุกอย่างเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ ทุกคนเลยนะ และวันนี้ก็มาพบกับผู้บรรยาย ที่หลงรักและเป็น สาวกของทางค่ายปีกยักษ์ Honda อย่าง ComBic

และวันนี้เรา ในฐานะผู้บรรยาย ที่หลงใหลในรถซีรีส์ CBR ก็ได้มาเขียนหัวข้อ รถที่ตนเองชอบมากเสียที ในบทความนี้ อย่างที่ได้บอกไปว่า เราจะมาป้ายยา ให้กับคนที่ชอบความแรง แต่ไม่ใช่คนที่ชอบรถรุ่นใหญ่ เราขอแนะนำเจ้ารถคันนี้ HondaCBR250RR

ถ้าพร้อมสำหรับเนื้อหา มารู้จักCBR250RR และการป้ายยา งั้นก็ตามมากันเลยเจ้าค่ะ

มารู้จักCBR250RR กับข้อมูลที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ เจ้ารถสุดเจ๋งคันนี้

Honda CBR-250RR เป็นหนึ่งในรถของซีรีส์ CBR รุ่นใหม่ที่ทาง Honda ตั้งใจวางจำหน่าย ในช่วงปีที่ 2017 เป็นต้นมาหลังจากที่ ซีรีส์CBR ถูกวางขายล่าสุดในปี 2011

CBR-250RR คือหนึ่งในรถซีรีส์ใหม่ของ CBR ถือว่าเป็นรถ ที่มีค่าแรงบิดหรือ CC น้อยสุดถ้าเราไม่ได้นับรุ่นของ All New CBR-150R โดยที่ในปีของ 2016 - 2017 ที่ผ่านมาทาง Honda ได้ปล่อยรถรุ่นพี่ออกมา อย่างรถรุ่งของ CBR-1000RR

ที่บอกได้เลยว่าสวยงาม และดุดันที่ได้ออกมาโชว์ลวดลาย ในการแข่งขัน บนสนามของ Moto GP ทำให้เป็นเสียฮือฮา ถึงความสวยงามของเจ้ารุ่นนี้ โดยต่อมาทางฮอนด้า ก็ได้พัฒนาและรีโฉมของรุ่น ถัดลงมาด้วย

อย่ารุ่นที่โดยพัฒนาลงมาก็จะมี CBR-650R > CBR-600RR > CBR-300R และท้ายสุดแทนที่จะเป็น รุ่นCBR250R แต่เขากลับทำสิ่งที่ไม่คาดฝัน นั้นคือการออกรุ่น ของคลาสรถเล็กอย่าง 250 cc ให้ออกมาเป็นรถคลาส RR ที่ย่อมาจาก Racing Replica

นั้นเลยทำให้รถรุ่นนี้ ออกมาเป็นรถที่มีรหัสว่า CBR-250RR หลายคนอาจจะสงสัย ว่ารถคลาสย่อว่า RR หรือคลาส Racing Replica นี้คืออะไรตัวย่อนี้ ไม่ได้มีย่อไว้เอาเท่นะ แต่มีเอาไว้บ่งบอกว่า เจ้ารถรุ่นนี้ คือรถสายสปอร์ต อย่างแท้จริงค่ะ

เพราะรถคลาสของ RR จะต้องมี 3 ปัจจัยหลักดังนี้

1 น้ำหนักเบา วัสดุในการทำ ส่วนของสวิงอาร์ม จะถูกเปลี่ยนจากเหล็ก เป็นอะลูมิเนียมแทน จะทำให้มีน้ำหนักที่เบา สามารถควบคุมง่าย ตัวแฟริ่งของรถ มีรูปแบบการถักทอ ทำให้เกิดสมดุลระหว่างขี่ และช่องผ่านผมที่ทำให้รถ ยึดติดท้องถนน และลดแรงเสียดทาน ของแรงลมได้

2 ขุมพลังที่แรงกว่า ตัวของเครื่องแม้ว่า จะอยู่ในคลาสของ 250cc แต่ตัวเครื่องของรถรุ่นนี้ ก็ออกแบบมาใหม่ เพื่อให้มีการถ่ายเทแรงได้ดี ทำให้การออกตัวแรง และรวดเร็ว อีกตัวรถยังมาพร้อม การปรับโหมดการขับ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ในการใช้งาน

3 ล้ำสมัย ด้วยมอเตอร์ของรถ หัวใจหลักในการเร่งเครื่อง ถูกออกแบบมา ให้เป็นแบบเร่งด้วยไฟฟ้า ทำให้อัตราการออกตัวรุนแรง ผสานเข้ากับการทำงาน ของเซนเซอร์ APS ที่ส่งข้อมูลผ่าน ECU ทำให้ทุกครั้งที่บิด จะส่งถึงพลังของตัวรถ

โดยรวมแล้วเจ้ารถรุ่นของ CBR-250RR 2017 เมื่อเทียบกับรุ่นของ CBR-250R 2011 ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง แบบเหนือชั้น หรือจะกล่าวได้ว่ารถ รุ่นคลาส250 ไม่มีคันไหนเลยที่กล้าวิ่ง ได้เร็วเทียบเท่ารุ่น 250RR คันนี้ค่ะ

มารู้จักCBR250RR

สเปคของ CBR250RR มีอะไรบ้าง ?

รถชื่อรุ่น : Honda CBR 250 RR Racing Replica

ประเทศที่ผลิต : ในประเทศญี่ปุ่น Ozu และ Kumamoto และอินโดนีเซีย West Java และ Karawang

รถอยู่ในคลาส : Sport bike หรือ Racing bike

สเปคเครื่องยนต์ : 250 CC (จริง ๆ คือ 249.7cc) DOHC 4 จังหวะ

ความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ : 179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือสามารถวิ่งได้ทั้งหมด 111 ไมล์

จำนวนของเกียร์ : อัตราเร่งพร้อมเร็วของเกียร์ 6 สปีด

วัสดุเฟรมตัวรถ : โครงเหล็กแท้คุณภาพสูง

เบรกตัวรถแบบมาตรฐาน : เบรกหน้ารถเป็นแบบ คาลิปเปอร์ 2 ลูกสูบ (Calipers 2p) เบรกหลังเป็นแบบ คาลิปเปอร์ 1 ลูกสูบ (Calipers 1p)

ยางของตัวรถ : ล้อหน้าเป็นยางแบบ 110 / 70-17 54S ล้อหลังแบบ 140 / 70-17 66S

ขนาดตัวรถ : รถมีความยาว 2.06 เมตรมีความกว้าง 0.724 เมตรและมีความสูงที่ 1.09เมตร ความสูงที่นั่ง 0.79 เมตร

ความจุของถังน้ำมัน : สามารถจุน้ำมันได้ทั้งหมด 14.5 ลิตรและสามารถวิ่งได้ เฉลี่ยแล้วที่ประมาณ 24 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตรโดยใช้ความเร็วรวมที่ 68 - 56

มารู้จักCBR250RR

คุณคิดว่า CBR250RR ควรค่าแก่การซื้อหรือไม่?

สำหรับเราผู้เขียนคิดว่า รถคันนี้เป็นรถแนวสปอร์ต ซึ่งสามารถทำรอดความเร็วได้สูง อีกทั้งยังสามารถใช้งาน ในโหมดการขับขี่แบบเมือง (City Mode) ทำให้ตัวรถสามารถใช้งาน บทท้องถนนปกติได้ สำหรับเรารถที่เป็นคลาส RR

ที่มีกำลังเครื่องไม่แรงมาก และราคาก็ไม่สูงมาก ก็เหมาะที่จะเป็นรถคู่ใจ ในการเดินทางสำหรับสายที่ชอบความเร็ว แต่ไม่ต้องการรถที่มี cc ที่สูงเกินไปค่ะ

บทส่งท้ายเจ้ารถสุดเจ๋งอย่าง รถCBR-250RR

ก็มาถึงหัวข้อสุดท้ายของ มารู้จักCBR250RR กันแล้วนะเพื่อน ๆ ผู้อ่านมีความคิดเห็นอย่างไร กับเจ้ารถตัวนี้บ้าง สำหรับผู้เขียนเป็นคนที่ชอบ รถในซีรีส์ CBR เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงเรียกได้ว่าปลื้มสุด ๆ กับข่าวการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 และตั้งใจว่าจะมี จอดไว้ในโรงรถสักคันให้ได้

มารู้จักCBR250RR

ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับหัวข้ออย่าง มารู้จักCBR250RR ของเราเป็นอย่างไรบ้างชอบกันหรือเปล่า ถ้าเพื่อนผู้อ่านสนใจ และอยากติดตามเนื้อหา และสาระแบบนี้ก็สามารถติดตามได้ที่ เว็บไซต์ของเราได้เลยนะ รับรองว่ามีข้อมูลเจ๋ง ๆ แบบนี้อีกเพียบเลยค่ะ

ยกตัวอย่างเช่นบทความที่น่าสนใจดังนี้ ยานยนต์ไร้คนขับ

ท้ายนี้ หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะแล้วไว้พบกันในบทความหน้า กับเพื่อนคู่ใจของคุณอย่าง ComBic ผู้สนใจในเรื่องของรถ กราบสวัสดีค่ะ

เขียนโดย ComBic.III

ยานยนต์ไร้คนขับ
ยานยนต์ ไร้คนขับ เพราะว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยี ยานยนต์ไร้คนขับ เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ที่ทั่วโลกต่างรอคอย

ยานยนต์ไร้คนขับ อนาคตที่มาพร้อมกับ เทคโนโลยีระดับโลก มาในรูปแบบ ของยานพาหนะ

ยานยนต์ไร้คนขับ หลายคนที่กำลัง พยายามปรับตัว ให้เข้ากันกับ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว ของเทคโนโลยี ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการงาน การดำเนินชีวิตประจำวัน

ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมมาก นอกจากนี้ยังมี การนำเทคโนโลยี เข้ามาใช้กับ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การติดต่อสื่อสาร การโรงแรม การเดินทาง หรือแม้แต่ ยานพาหนะเอง ก็ได้มีการนำ เทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้

ซึ่งถือว่าเป็น นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอย่างมาก และสำหรับคน ที่ชอบเทคโนโลยี ประเภทแบบนี้ ก็คงพลาดไม่ได้ ที่จะศึกษา เทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ ของรูปแบบใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามานั่นเอง ซึ่งในวันนี้เราจะมา แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ มาดูกันว่า จะถูกใจและน่าตื่นเต้น กันขนาดไหน เราจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันเลย

ยานยนต์ไร้คนขับ

ยานยนต์ไร้คนขับ ความหรูหราที่มาพร้อม กับเทคโนโลยี ที่พัฒนา ระดับเทพของ รถยนต์อนาคต

หากใครที่เคย ดูหนังแอคชั่น สุดเจ๋งคงเคยได้เห็น ตำนานปอร์เช่ นวัตกรรมรถยนต์ ที่มีความเหนือชั้น เป็นรถยนต์ที่มี รูปแบบราวกับว่า เป็นรถยนต์ที่มาจาก โลกแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีที่ ไม่ต้องใช้น้ำมัน ในการใช้เชื้อเพลิง ในการขับเคลื่อน

หรือรถยนต์ที่ สร้างและตั้งค่าการ ควบคุมให้สามารถ เดินทางได้เอง ซึ่งการพัฒนารถ ในปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนา ให้เป็นแบบนั้น ได้แล้วจริง ๆ เป็นเรื่องที่กำลัง เป็นที่น่าสนใจ กันเป็นอย่างมาก กับคนที่ชอบรถ

เพราะมีการปรับปรุง ให้รถยนต์สามารถ เคลื่อนที่ได้จาก พลังงานไฟฟ้า แทนรถยนต์ที่ ใช้น้ำมันอยู่ ในขณะนี้ ที่กำลังจะค่อย ๆ ตกยุคไปแล้วนั้นเอง นอกจากนี้เรา จะยังนำเสนอ ในเรื่องของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วย ให้ชีวิตของเรา สะดวกและสบาย มากยิ่งขึ้น

ยานยนต์ไร้คนขับ

นวัตกรรมสุดทึ่ง ที่โลกไม่เคยมีมาก่อนในปี 2040 ที่จะมาถึงนี้

อย่างที่เราทราบ กันดีว่าราคา ของต้นทุนของแบตเตอรี่ ที่เราใช้กันอยู่นั้นค่อย ๆ พัฒนาขึ้นไม่น้อยเลย เป็นเหตุให้รถ ที่ใช้จากพลังงานไฟฟ้า มีราคาถูกกว่า รถที่ใช้น้ำมันอย่างมาก รถที่ใช้การ เผาไหม้ของเชื้อเพลิง ทำให้เกิดควันเสีย เป็นพิษให้แก่ธรรมชาติ

และยังเป็นอันตราย ต่อคนและสภาพแวดล้อม ทำให้มีการ คิดค้นรถไฟฟ้า ขึ้นมาเพื่อทดแทน กับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ในตอนนี้ การพัฒนารถยนต์ ทำมีการคาดการณ์ของปี 2040 ที่จะมาถึงนี้ว่า รถยนต์ที่จะ ถูกพัฒนาขึ้น จะเป็นรถที่มี รูปลักษณ์ที่ดูทันสมัย และให้ความรู้สึก ที่สะดวกสบายกว่าเดิม

ถ้าถามว่ารถยนต์ ที่เราใช้กันอยู่ ในทุกวันนี้ มีความสบาย กันแล้วหรือยัง ก็คงต้องบอกเลยว่า ถือว่าสบายอยู่แล้ว พอสมควรค่ะ ไม่อยากคิดถึงในปี 2040 เลยว่าเขาจะมี วิธีการอย่างไร ให้ผู้ใช้สามารถ ได้รับความรู้สึก ที่สะดวกสบาย มากขึ้นกว่านี้

โดยจากการที่เรา คาดการนั้นก็คือ รถยนต์ในอนาคตนั้น จะมีการปรับ รูปแบบของเก้าอี้นั่ง ได้หลากหลายมากขึ้น ภาพของจอแสดงผล มีความคมชัด และให้รายละเอียด ที่สมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี ในเรื่องของการ สแกนลายนิ้วมือ หรือตรวจสอบจากม่านตา มาใช้แทนการใช้ กุญแจรถยนต์อีกด้วย

ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ ถือว่าเป็นเทคโนโลยี ที่เป็นไปได้ ในการนำมาปรับใช้ เพราะเทคโนโลยี ของโทรศัพท์ของเรา ตอนนี้ได้มีการ นำเทคโนโลยีเหล่านี้ มาใช้แล้วและ ที่สำคัญที่สุด ก็คือกระจกนิรภัย ภายในรถสามารถ เป็นจอสำหรับ เป็นจอแสดงผลต่าง ๆ โดยใช้การสัมผัสนั่นเอง

ยานยนต์ไร้คนขับ

วงการ รถยนต์ไร้คนขับ ai จะเข้ามาแทนที่ แบบเต็มตัวในอีก 30 ปีข้างหน้านี้

เพราะจากปัญหา ที่ทำให้หลายคน ต้องเจ็บหนักกับ ภาระค่าใช้จ่าย ในเรื่องนำมัน เงินเดือนบางคน แค่จ่ายนำมัน ในแต่ละเดือน ก็แทบจะไม่เหลือ ไว้ใช้อย่างอื่น ๆ ซึ่งในปี 2050 มีการคาดการณ์ว่า เป็นยุคที่รถ ใช้น้ำมันถือว่า ตกยุคแล้วจริง ๆ เพราะในหลาย ๆ ประเทศรวมถึง ประเทศไทยเอง ก็ได้มีการ ใช้รถไฟฟ้าแทน รถใช้น้ำมันกันแล้ว

อย่างที่เราได้บอกไป ว่าการใช้รถไฟฟ้า จะช่วยลดการ สร้างภาวะโลกร้อน และแก๊สเรือนกระจกต่าง ๆ ทำให้เราสามารถ ช่วยลดภาวะโลกร้อน อีกทั้งยังเป็น การนำเทคโนโลยี เข้ามาจัดการ ได้อย่างเหมาะสม

ถึงแม้บางประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย อาจจะยังไม่พร้อม รับสถานการณ์ เหล่านี้มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเราเอง ก็สามารถปรับตัว และก็จะค่อย ๆ พัฒนาได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็น อีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่ มีกำลังพอสำหรับ ซื้อรถไฟฟ้า มาใช้กันนั่นเอง

ไม่จำเป็นต้อง ขับรถให้เหนื่อย ในการเดินทางไกล อีกแล้วจริงหรือ?

ในอนาคตนอกจาก รถยนต์จะเป็น รถพลังงานสะอาด แล้วยังจะมีการพัฒนา ในเรื่องของการ ใช้งานอีกด้วย รถยนต์ในอีก 30 ปีข้างหน้านี้ ไม่จำเป็นจะต้อง ใช้ระบบขับเองอีกแล้ว เพราะสามารถ ตั้งค่าให้ตัวรถ สามารถขับแบบ อัตโนมัตินั่นเอง

ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ยังอยู่ในกระบวนการ ยานยนต์ไร้คนขับ วิจัย และการพัฒนาอยู่ จำเป็นจะต้อง มีการทดสอบ ความปลอดภัยและระบบต่าง ๆ สามารถทำงาน กันได้อย่างมี ประสิทธิภาพหรือไม่ เราแอบหวังว่า รถที่ถูกผลิตออกมา จะสามารถช่วยให้ ลดการเกิดอุบัติเหตุ ทางท้องถนนได้จริง

หากเป็นไปได้ จะยิ่งช่วยให้ การจราจรต่าง ๆ เป็นไปได้อย่าง มีระบบมากขึ้น การใช้รถยนต์ ที่มีระบบ ที่ทันสมัย นอกจากจะช่วยให้ ลดอุบัติเหตุได้แล้ว ยังช่วยลดการ ก่ออาชญากรรม และประหยัดค่าใช้จ่าย ในการจ่ายนั้น ๆ ได้มากอีกด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเรื่อง ที่น่ากังวล เกี่ยวกับการใช้ เทคโนโลยีนั่นก็คือ ราคาในการซื้อ รถไฟฟ้ามาใช้ ที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง อยู่ในตอนนี้ ความแน่ใจในความปลอดภัย ในการทำงาน ของระบบตัวรถ

และรถรุ่นใหม่ อาจไม่ได้เหมาะสม กับทุกคนก็เป็นได้ จำเป็นจะต้อง ได้รับการเรียนรู้ การใช้งานที่ถูกต้อง และมีขั้นตอน การปฏิบัติที่เหมาะสม

รถยนต์อนาคต ถือว่าเป็นเทคโนโลยี ที่กำลังมาแรงอย่างมาก เป็นที่จับตามอง ของวงการรถยนต์ และเร่งทำงานหนัก เพื่อผลิตรถยนต์ ที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ต้องการ ของทุกคน ซึ่งใครที่สนใจ เกี่ยวกับรถในอนาคต

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้จากช่องทาง ออนไลน์มากมาย เพียงแค่ค้นหา รถยนต์ไร้คนขับ ภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะเป็น ข้อมูลจากต่างประเทศ ถือว่าเป็นการ อัพเดทแบบเรียลไทม์จริง ๆ นอกจากนี้ใคร ที่ชอบข่าวสารเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ยานยนต์ไร้คนขับ บทความ สามารถเข้ามา อ่านบทความของเรา ได้ใหม่ในครั้งถัด ๆ ไปนะคะรับรองว่า จะมาอัพเดท เรื่องที่น่าสนใจ ไว้รอให้เพื่อน ๆ ได้ติดตามกันค่ะ

เรียบเรียงโดย NANAMI

อะไหล่รถใหม่
อะไหล่รถใหม่ ADIVA AD1 REAR H2 รุ่นใหม่โช๊คหลัง พร้อมระบบกันสะเทือนด้านหลัง ปี 2022

อะไหล่รถใหม่ ADIVA AD1 REAR H2

อะไหล่รถใหม่ โช๊คช่วงล่างด้านหลัง แนะนำอุปกรณ์รถซิ่ง จากสินค้า ADIVA AD1 REAR H2 รายชื่ออะไหล่รถยนต์ เป็นการออกแบบใหม่ ที่ทำให้ท่อ สามารถเก็บของเหลว ได้มากยิ่งขึ้น แถมยังแยกช่องก๊าซได้เช่นกัน

ส่วนของลูกสูบวาล์ว อะไหล่ยนต์ มีช่วงที่กว้าง ทำให้มีพื้นที่ สำหรับการทำงาน แม้รถยนต์ของเรา จะวิ่งบนพื้นถนน ที่ขรุขระมาก หรือสูงชันมากก็ตาม ในด้านห้องก๊าซ และพรีโหลดสปริง ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่า ตามความต้องการของเราได้ ซึ่งนำไปรวมกับ ช่องก๊าซภายใน เพิ่มการบีบอัด ด้วยสปริงที่ปรับง่ายมาก ๆ นอกจากนี้ พรีสปริงยังสามารถตั้งค่า ตามความจำเป็น ของผู้ขับขี่

ที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง ก็คือผู้ขับขี่ สามารถปรับความสูง ได้สูงสุดที่ 5 มิลลิเมตร มีการรับประกันหลังซื้อ - ขาย 12 เดือน นับจากวันที่ซื้อ (ประเทศไต้หวัน)

มีให้เลือกทั้งสีปกติ และสีดำ ราคาอยู่ที่ประมาณ 25,000 บาท (ไม่รวมค่าติดตั้ง) สำหรับสถานที่ซื้อขายอเมริกา ผ่านอีเมล [email protected]

อะไหล่รถใหม่

หากใครสนใจเรื่องราว เกี่ยวกับข้อมูล อะไหล่แต่งรถยนต์ หรือร้านแนะนำ ขายอะไหล่รถยนต์ออนไลน์ ตัวเลือกมากมาย ลองเข้าไปอ่านได้ที่ รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน มีทั้งเทคนิคแต่งรถ อัปเดตข่าวยานยนต์ รถแห่งอนาคต รถสปอร์ต หรือมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ

เรียบเรียงโดย M.Varin

คาร์ซีท Wayb
คาร์ซีท Wayb พกพาจากแบรนด์ Pico เตรียมผจญภัยทุกวันของคุณ ด้วยนวัตกรรมระดับพรีเมียม

คาร์ซีท Wayb พกพารุ่นใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนใคร

คาร์ซีท Wayb เรารู้ดีว่า การปกป้องความปลอดภัย ของลูกในรถยนต์ เป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งคาร์ซีทนี่แหละ ที่จะมาเป็นตัวช่วยของคุณ ผู้ปกครองหลายคน มักจะจ้างมืออาชีพ มาติดตั้งในครั้งแรก

สำหรับอุปกรณ์ คาร์ซีท pico wayb พยายามปรับเปลี่ยน ให้ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับแบรนด์ดังต่าง ๆ เช่น เช่น Salmon, Adidas และ Decker Sports จุดประสงค์หลัก คือน้ำหนักต้องเบา สายรัดนิรภัยต้องดี ทนทานต่อสภาพอากาศ และที่สำคัญ จะต้องช่วยชีวิตของเด็กเล็กได้ wayb pico car seat crash test ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ รถชน ตกหน้าผา เป็นต้น

พวกเขาได้นำ วัสดุอะลูมิเนียมมาใช้ แทนการใช้โฟม และพลาสติก ที่ต้นทุนต่ำกว่า พวกเขามองว่า วัสดุเหล่านั้น ใช้งานได้ไม่นาน เสื่อมสภาพไวกว่า เพราะไม่ทนทานต่ออุณหภูมิ ความชื้น หรือระยะเวลาด้วย

นอกจากนั้น wayb pico car seat review ที่นั่งที่มาจาก แผ่นโฟมบนเบาะ ที่เห็นใช้งานทั่วไป เแบรนด์ก็ปรับเปลี่ยน เป็นตาข่ายที่มีเทคโนโลยี แรงดึงสูงเหมือนกับพวกเต็นท์ หรือกระเป๋าเป้ และยังระบายอากาศได้ดี เพราะโฟมอายุสั้น โดนแดดและเหลืองง่าย เสี่ยงเป็นภูมิแพ้ ย่อยสลายยากอีกด้วย

ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เบาะรุ่นนี้ มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ อุ้มเด็กได้สะดวกขึ้น สามารถจัดเก็บ จนเป็นไซซ์เล็ก ตอบโจทย์การเป็น portable car seat อย่างดี

คาร์ซีท Wayb

ติดตามเนื้อหา รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน น่าอ่านได้ที่นี่ หรืออ่าน รวมเทคนิคแต่งรถ ได้ที่นี่

เรียบเรียงโดย M.Varin

ตำนานปอร์เช่
ตำนานปอร์เช่ เรื่องราวของสุดยอดรถยนต์ อันเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่บทหนึ่งของโลก

ตำนานปอร์เช่ เจ้าม้าป่าสายพันธุ์เยอรมันที่มีพัฒนาการมาจากวันที่ยังไม่มีใครรู้จัก สู่แบรนด์รถยนต์ที่ผู้คนยอมรับ และยกให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

ตำนานปอร์เช่ สำหรับในโลกของยานยนต์ ก็มีรถยนต์อยู่มากมาย หลากหลายยี่ห้อ ที่มีอิทธิพลต่อผู้คน บนโลกใบนี้อย่างมาก โดยแต่ละแบรนด์ ก็ล้วนแล้วแต่มี ประวัติความเป็นมา อันยาวนานน่าสนใจ และน่าศึกษากันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะบริษัทแบรนด์ รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน ยี่ห้อรถยนต์จากฝั่งยุโรป ที่นี่ก็ล้วนแล้วแต่ มีเรื่องราวของ รถปอร์เช่ ประวัติ ความเป็นมาอันยาวนานนับร้อยปี และโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้ทำการ พัฒนารถยนต์ของตนเอง ออกมากันมากมายหลายรุ่น

รวมไปจนถึงแบรนด์รถยนต์ ที่มีชื่อยี่ห้อว่า Porsche ” ( พอร์เชอ ) ซึ่งเป็นแบรนด์ยี่ห้อรถยนต์ ในสายทางของรถยนต์สปอร์ต แห่งประเทศเยอรมัน ซึ่งรูปร่างหน้าตา และชื่อเสียงเรียงนาม ของรถยนต์ยี่ห้อนี้ ก็เป็นที่คุ้นเคย สำหรับคนไทยเรา กันเป็นอย่างดี

และด้วยรูปร่างหน้าตา ของตัวถังภายนอก ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับตัวกบ ซึ่งการออกแบบ ในลักษณะนี้ถือได้ว่า เป็นคุณสมบัติพิเศษ ตำนานปอร์เช่ ที่เป็นเอกลักษณ์อันแตกต่าง ไปจากยี่ห้อรถยนต์สปอร์ตอื่น อยู่เป็นอย่างมาก

ตำนานปอร์เช่

ซึ่งความแตกต่างนี้ ก็คือสิ่งที่ทำให้ เจ้ารถยนต์ยี่ห้อนี้ ได้ก้าวขึ้นไปอยู่ ตำนานปอร์เช่ บนจุดสูงสุดในวงการ ของรถสปอร์ตโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ผู้ที่มีความชื่นชอบ บทความเกี่ยวกับ รถสปอร์ต ในเรื่องราวของรถสปอร์ต Porsche 911 ประวัติ ต่างก็ต้องรู้จัก และก็ได้ให้การยอมรับ ในเรื่องสมรรถนะของมัน กันเป็นอย่างดี

แต่ก่อนที่เจ้ารถสปอร์ต ผู้ที่เป็นเจ้าของฉายา ม้าป่าแห่งเมืองชตุทท์การ์ท “ จะได้มีโอกาส ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งของ แบรนด์รถยนต์สปอร์ต ที่ทรงอิทธิพล ในระดับโลกนั้น มันได้เคยมีบทบาทเรื่อง ปอร์เช่ ผลิตที่ไหน ในการออกแบบรถถัง ให้กับกองทัพนาซี ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อนอีกด้วย ยานยนต์ไร้คนขับ

ตำนานปอร์เช่ จุดกำเนิดของเจ้าม้าป่าสายพันธุ์สงครามนี้ ได้มีการเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อใด? แล้วใครกันเล่า ที่เป็นผู้จุดประกายความคิดในการสร้างสรรค์ และพัฒนาสุดยอดรถยนต์สปอร์ตคันนี้ ให้มีชื่อเสียงโด่งดังไกลไปทั่วโลก

สำหรับบริษัท ตรารถปอร์เช่ ที่ผลิตรถยนต์สปอร์ตหรู ผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศเยอรมัน ภายใต้ชื่อของบริษัทว่า Porsche AG “ รับการก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนักวิศกรยานยนต์ ปอร์เช่ คาเยนน์ ผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า ดร. แฟร์ดีนันท์ พอร์เชอ ” ( Dr.Ferdinand Porsche ) เมื่อในราว 145 ปีก่อน

โดยผู้ที่เป็นอัจฉริยะ ในวงการของ Porsche Cayenne ประวัติ รถยนต์สปอร์ตผู้นี้ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมือง ” มัฟเฟอร์ดอร์ฟ “ ในแถบย่าน ” โบฮีเมีย ” ในครอบครัวของพ่อแม่ ที่เป็นชาวเยอรมันแท้ เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปี ค.ศ. 1875 ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็ได้กลายเป็น ” สาธารณรัฐเช็ก “ ( The Czech Republic )

โดยยอดอัจฉริยบุคคลผู้นี้ ก็ได้เริ่มเผยให้เห็น ถึงแววความเป็น นักประดิษฐ์ของเขา ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ด้วยความสามารถ ในเรื่องของเครื่องยนต์กลไก ประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ใกล้ตัว ของเขาในขณะนั้น

ตำนานปอร์เช่

โดยเขาได้ประดิษฐ์กระดิ่งไฟฟ้า แล้วนำเอาไปติดไว้ ที่ประตูบ้านได้ ตั้งแต่ตอนที่เขา ยังมีอายุแค่เพียง 13 ปี จากนั้นก็ได้เริ่มวางระบบ และเดินสายไฟภายในบ้านได้ด้วยตัวเองตอนอายุ 16 ปี

ตัวเขาเป็นเด็ก ที่มีความสนใจ ในเรื่องราวของสิ่งเหล่านี้ เป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาว่างหลังจาก กลับจากโรงเรียน มาเป็นผู้ช่วยพ่อของเขา ในร้านซ่อมเครื่องจักรกล ประเภทต่างๆ ต่อมาในปี ค.ศ. 1893 เขาเริ่มต้นทำงาน ในโรงไฟฟ้าของกรุงเวียนนา ขณะที่มีอายุได้เพียง 18 ปีเท่านั้น

จุดกำเนิดของหนึ่งสุดยอดรถยนต์สปอร์ตแบรนด์ดังของโลก รถ Porsche เป็น ของประเทศ อะไร โดยชายที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดอัจฉริยบุคคล ที่มีความสำคัญต่อวงการของเทคโนโลยียานยนต์ คนหนึ่งของโลกใบนี้

ในปี ค.ศ. 1931 เขาได้ทำการลาออก อย่างเป็นทางการจากบริษัท Daimler ” โดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อที่จะออกมา ทำการก่อตั้งบริษัท ที่เป็นของตัวเขาเอง โดยเขาได้ใช้ชื่อบริษัทว่าDr. Ing. h. c. F. Porsche GmbH, Konstruktionen und Beratung für Motoren und Fahrzeuge “ หรือ ” Dr. Ing. h. c. F. Porsche GmbH “

โดยได้ทำการดำเนินกิจการในช่วงแรก ในฐานะของบริษัท ผู้ที่ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการพัฒนา เครื่องยนต์กลไกประเภทต่างๆ เพียงแค่เท่านั้น และได้ทำการจดทะเบียน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1931 แต่ก็ยังไม่ได้ มีการลงมือ ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ ของตัวเองแต่อย่างใด

และหลังจากที่ บริษัทของเขาได้รับ การก่อตั้งขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ได้เพียงแค่ 3 ปี เขาก็ได้มีโอกาส เข้าไปมีบทบาท ในการออกแบบ และประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ๆ ในโครงการของ ” อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ” ( Adolf Hitler ) ผู้นำพรรคนาซีเยอรมัน ในขณะนั้น เมื่อปี ค.ศ. 1934

ซึ่งเป็นโครงการ ที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก ที่มีประสิทธิภาพ ในการใช้งาน และราคาที่ประหยัดเพื่อประชาชนทั่วไป ภายใต้ชื่อโครงการว่า people’s car “ โดยเป็นการทำงานร่วมกัน กับลูกชายของเขาเอง

โดยลูกชายของเขานั้น มีหน้าที่การงาน อยู่ในตำแหน่งของ ที่ปรึกษาบริษัทผลิตรถยนต์ Volkswagen “ ซึ่งเวลานั้นก็ถือได้ว่า เป็นจุดกำเนิดของ การออกแบบรถยนต์ ” Volkswagen “ รุ่นแรก ภายใต้ชื่อรุ่นที่ว่า ” Volkswagen V 3 Concept “ ขึ้นในปี ปี ค.ศ. 1935

ตำนานปอร์เช่

และเมื่อโลกได้ เดินทางเข้าสู่เหตุการณ์ของ สงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวของเขา และลูกชายก็ได้รับการทาบทาม จากผู้นำแห่งพรรคนาซีเยอรมัน ให้เข้ามาทำหน้าที่ เป็นวิศวกรประจำกองทัพ โดยจะต้องมีหน้าที่ ในการออกแบบอาวุธ กับรถถัง ที่ทหารนาซี จะนำไปใช้งาน ในสมรภูมิรบ

แต่แนวคิดที่เป็นต้นฉบับร่าง ที่เขาได้นำส่ง ให้กับกองทัพนั้น เป็นเทคโนโลยี ของการขับเคลื่อน ที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก และดูจะเป็นเรื่องที่ ไม่สามารถจะเป็นไปได้ ในการที่จะนำไปใช้จริง ในสมรภูมิรบ โครงการนี้จึงตกไปอยู่ในมือของ บริษัทที่เป็นคู่แข่ง ของเขานั่นเอง

และเมื่อในทันที ที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลง ในปี ค.ศ 1945 ลูกชายของเขา ก็ได้รับหน้าที่ดูแล โครงการพัฒนาเกี่ยวกับ รถแข่งรุ่นใหม่ ที่มีชื่อว่า ” The Cisitalia ”

ซึ่งรถต้นแบบ ก็ได้ถูกนำเอาไปเสนอ ให้กับบริษัทดีลเลอร์รถยนต์ หลายบริษัทในประเทศเยอรมัน ผลปรากฏว่าได้มียอดสั่งจอง ซึ่งมากพอที่พวกเขา จะเริ่มต้นสายการผลิต และมันจึงได้เป็นจุดเริ่มต้น ของการผลิตรถยนต์คันแรก ของแบรนด์รถยนต์สปอร์ตยักษ์ใหญ่ระดับโลก แบรนด์นี้นั่นเอง

Artist Em