SUV โฉมใหม่
เฟอร์รารีไม่ทำรถแนว SUV มานานกว่าทศวรรษ แต่ในที่สุดตอนนี้ SUV โฉมใหม่ ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

SUV โฉมใหม่ รถ suv ยี่ห้อไหนดี 2023 สำหรับ Ferrari มาดูกันว่าจะดีขนาดไหน ?

SUV โฉมใหม่ แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ เฟอร์รารีที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ ซึ่งเป็นรถเอสยูวี 4 ประตูและ 4 ที่นั่งรุ่นแรกของบริษัทผลิตซุปเปอร์คาร์ สัญชาติอิตาลี ได้มาถึงแล้วเพื่อยืนยันการคาดเดาทั้งหมด เกี่ยวกับ Ferrari Purosangue รถ SUV 2023

หลังจากปฏิเสธว่าจะไม่ทำรถเอสยูวีมากว่าทศวรรษ เฟอร์รารีได้น้อมรับแรงกดดันจากลูกค้า โดยมีคู่แข่งอย่าง Lamborghini Urus, Aston Martin DBX, Bentley Bentayga และ Rolls-Royce Cullinan ซึ่งเป็นรถ SUV ระดับแนวหน้าของโลก

เฟอร์รารีรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ V12 ความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. เร่งความเร็วถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 3.3 วินาที และมีราคาเริ่มต้นที่ 399,000 ยูโร

Benedetto Vigna ซีอีโอของเฟอร์รารี กล่าวในงานเปิดตัวรถบ้านของเฟอร์รารี ในเมืองมาราเนลโล ประเทศอิตาลี ว่าปูโรซังเกเป็นรถสปอร์ต ซึ่งมีเอกลักษณ์และโดดเด่น ซึ่งไม่มีข้อด้อยในด้านการออกแบบและด้านวิศวกรรม

รถ SUV ยุโรป เฟอร์รารีตั้งใจที่จะส่งมอบ รถรุ่นนี้คันแรกภายในเดือนมิถุนายนในยุโรป ตามมาด้วยการจัดส่งไปยังสหรัฐอเมริกา การส่งมอบในออสเตรเลียมีกำหนด จะเริ่มก่อนสิ้นปี 2566

การผลิตจะถูกจำกัดไว้ที่ร้อยละ 20 ของการผลิตต่อปี ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่ง กำลังการผลิตโดยรวม ของเฟอร์รารีอยู่ที่ 15,000 คันในปัจจุบัน

Purosangue ชื่อรหัส F175 และชื่อที่แปลว่า ‘พันธุ์แท้’ เป็นรถสปอร์ต SUV ขนาดครอบครัวที่มีขนาด และตำแหน่งใกล้เคียงกับ คู่แข่งโดยตรงอย่าง Lamborghini Urus

SUV โฉมใหม่

รูปลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ คือประตูหลังแบบบานพับ เพื่อให้เข้าถึงที่นั่งด้านหลังได้ง่ายขึ้น แต่ยังมีหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมซันรูฟกระจก ที่เป็นอุปกรณ์เสริมอีกด้วย

ยาว 4973 มม. กว้าง 2028 มม. สูง 1589 มม. และฐานล้อ 3018 มม. พื้นที่บรรทุกสัมภาระอยู่ที่ 473 ลิตร และมีเบาะหลังแบบพับได้ เพื่อความจุสัมภาระที่มากขึ้น มีเบาะนั่งแบบบักเก็ตซีท 2 ตัวที่ด้านหลัง

Enrico Galliera ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดกล่าวว่า ในขณะที่ออกแบบและหารือ เกี่ยวกับระบบนำทาง เราได้ข้อสรุปว่า ไม่ว่าระบบนำทางใดก็ตาม ที่เราใส่ไว้ในรถของเรา มันจะไม่ได้รับการอัปเดตมากไปกว่า ระบบนำทางของสมาร์ทโฟน ที่ใช้บ่อยที่สุด

เครื่องยนต์ของรถเป็นแบบ V12 ขนาด6.5 ลิตร 533kW และ 716Nm สามารถหมุนได้ถึง 8250rpm โดยมีแรงบิด 80 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 2100rpm

รถคันนี้ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยการพัฒนาระบบ ที่ติดตั้งครั้งแรกกับ GTC4Lusso ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า FF และส่งแรงขับไปที่ล้อหน้าที่สูงถึง 200 กม./ชม. ในสี่เกียร์แรก กระปุกเกียร์ของรถเป็นแบบอัตโนมัติคลัตช์คู่ 8 สปีด และรุ่นนี้ยังมีระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อหลัง และระบบป้องกันการลื่นไถล

มีล้อหน้าขนาด 22 นิ้วพร้อมยางซีรีส์ 255 และล้อหลังขนาด 23 นิ้วพร้อมยางหน้ากว้าง 315

ระบบกันสะเทือน มีแดมเปอร์แบบแอคทีฟ และการออกแบบที่ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ในแต่ละมุมของรถ หมายความว่า รถรุ่นนี้ไม่มีเหล็กกันโคลงแบบดั้งเดิม

Gianmaria Fulgenzi ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเฟอร์รารีกล่าวว่า “ฝ่ายวิศวกรรมใช้เวลา 48 เดือนเพื่อทำให้รถรุ่นนี้เกิดขึ้น”

“แชสซีส์ เครื่องยนต์ และกระปุกเกียร์เป็นของใหม่ทั้งหมด และส่วนประกอบอื่น ๆ ส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ สำหรับรถรุ่นนี้เพื่อให้เป็นสายพันธุ์แท้ที่เหมาะสม”

สามารถติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับ รถ suv สำหรับผู้หญิง ได้ที่ : รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน


เรียบเรียง BOMEBAMB

รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน
รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน คุณกำลังรู้สึกสนใจในเรื่องราวของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หรือเปล่า ?

รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน นวัตกรรมในเรื่องของยานยนต์ระบบพลังงานไฟฟ้า ที่มีราคาซึ่งคุณเองก็สามารถจะจับต้องได้เช่นกัน

รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน นี่คือโลกในยุคที่ รถยนต์ ไฟฟ้า ราคา ประหยัดหรือที่เราเรียกกันว่า ” EV ” รถไฟฟ้าแห่งอนาคต นั้นเริ่มที่จะเข้ามามีบทบาท ในฐานะของรถยนต์ที่มีผู้คนเป็นจำนวนมาก นำมาใช้งานกันในชีวิตประจำวันมากขึ้น นั่นก็เป็นเพราะในเรื่องของ การรณรงค์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นประการหนึ่ง รวมไปจนถึง การมองหาพลังงานสำหรับอนาคต ที่จะมาทดแทนพลังงานน้ำมัน ที่พวกเราใช้กันมาอย่างเนิ่นนาน

แล้วก็ดูเหมือนว่ามันจะมีทีท่า ที่จะหมดลงไปได้ในสักวันหนึ่ง รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงาน จากอุปกรณ์มอเตอร์ไฟฟ้าแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงได้กลายเป็นโครงการสำหรับ การคิดค้นพัฒนา ของบริษัทค่ายผู้ผลิต รถ ev ราคา ถูกชั้นนำทั่วโลก ที่ก็ต่างเล็งเห็นในเรื่องเดียวกันว่า แนวโน้มของผู้ใช้งานรถยนต์ ในชีวิตประจำวันนั้น กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

โดยจากวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของการ แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ ที่ใช้พลังงานในรูปแบบใหม่ มาจนถึงในวันนี้ วันที่เรามีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เป็น รถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่ถึงแสน ออกวางจำหน่ายในท้องตลาดและมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ที่เลือกซื้อ รถ เก๋ง มาใช้งานกันอย่างจริงจัง แต่ก็ยังถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้น ของเทคโนโลยีใหม่ เพราะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีวางจำหน่ายกันอยู่ในเวลานี้ ยังคงเป็นรุ่นแรก ๆ ที่ถูกผลิตออกมานั่นเอง

ถ้าหากว่าเราจะลองสังเกตดูก็จะพบว่า ในตลาดรถยนต์เวลานี้ได้เกิด การแข่งขันกันอย่างรุนแรง ในเรื่องของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เป็น รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน ซึ่งเป็นผลงานของบริษัท ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ ที่ต่างก็งัดเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดของบริษัทตนเอง นำเอามาใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน ที่พวกเขาภาคภูมิใจ โดยหวังว่าจะสามารถตอบโจทย์ ผู้บริโภคอย่างเราได้มากที่สุด

รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน คุณเคยไปเดินดูรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตามงานมอเตอร์โชว์มาบ้างหรือเปล่า ?

เชื่อว่ามีหลายคนที่อาจจะมีความเข้าใจที่ผิด ๆ ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์หรือ รถไฟฟ้า ev ในไทย ที่มีวางจำหน่ายกันอยู่ในท้องตลาดเวลานี้ ก็คงจะมีราคาสูง จนเกินจะเอื้อมมือคว้า มาเป็นเจ้าของได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ยังมีรถยนต์จากค่ายผู้ผลิตอีกหลายรุ่นที่เป็น รถยนต์ไฟฟ้า ราคา 98 000 ผ่อน ที่มีราคาเทียบเท่ากับ รถยนต์พลังงานน้ำมันปกติทั่วไป ที่ผู้ซึ่งมีความสนใจ สามารถที่จะเป็นเจ้าของได้เช่นเดียวกัน

โดยรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้น จะมีราคาจำหน่ายอยู่ไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งมันก็กำลังเป็นกระแสตื่นตัวเป็นอย่างมาก ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเวลานี้ เพราะนอกจากที่คุณ จะไม่ต้องจ่ายค่าตัว รถยนต์รุ่นที่คุณชื่นชอบ ในราคาที่ไม่เกินล้านแล้ว คุณก็ยังจะได้มีโอกาส สัมผัสกับเทคโนโลยีของ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสุดล้ำ ที่จะมอบทั้งความประหยัดและดีต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับคุณด้วย

ถือเป็นรถยนต์ทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่กำลังมองหา รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นคันแรกในชีวิต โดยพวกมันจะได้รับ การออกแบบและพัฒนาขึ้นมาสำหรับ การใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยปกติทั่วไป แต่ความโดดเด่นก็จะอยู่ตรงที่ ความประหยัดค่าใช้จ่ายใน การออกเดินทางด้วย รถยนต์ไฟฟ้าราคาหลักหมื่น ในแต่ละครั้งของคุณ ซึ่งก็เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ในหลักการของรถยนต์ประเภทนี้

แล้วถ้าหากว่าคุณกำลัง จะมองหารถยนต์ในลักษณะนี้ เพื่อการใช้งานแบบส่วนบุคคลสักคัน วันนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับ ราคารถยนต์ไฟฟ้า 2565 ที่มีค่าตัวไม่เกิน 1 ล้านบาทและกำลังมาแรง เป็นอย่างมากในปี 2023 นี้ มาให้คุณได้พิจารณากัน ถ้าหากว่าพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลยว่าจะมีรุ่นไหน ที่จะถูกใจคุณบ้าง

รถยนต์ EV จากบริษัทค่ายผู้ผลิตชื่อดังราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทที่เป็น รถไฟฟ้าราคาถูกในไทย ที่ได้รับความสนใจมากในปี 2023

1. ” ORA Good Cat ” ( ราคาเริ่มต้นที่ 763,000 บาท )

รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน

นี่คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ฉายา ” เจ้าแมวน้อย ” ที่มีกระแสตอบรับจาก ผู้ใช้รถยนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีรูปร่างหน้าตาออกไปทางน่ารัก เหมาะสำหรับคุณสุภาพสตรีเป็นอย่างยิ่ง เป็นสุดยอดเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า จากค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ” GWM ” ( Great Wall Motor ) ซึ่งเป็นค่ายที่กำลังรุกตลาดของ รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน ในเมืองไทยอย่างหนัก อยู่ในเวลานี้

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมัน อาจจะดูเล็กกะทัดรัด แต่สำหรับในรุ่นมาตรฐานเริ่มต้น ระบบพลังงานมอเตอร์ไฟฟ้าของมัน สามารถให้พละกำลังได้มากถึง 143 แรงม้า ในส่วนของมิติตัวถังทั้ง 3 รุ่นย่อยอาจจะดูไม่ได้แตกต่างกัน แต่ความโดดเด่นของทั้ง 3 รุ่น ก็จะอยู่ที่ตัวแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ รถยนต์ระบบพลังงานไฟฟ้านั่นเอง

ซึ่งในรุ่นสูงสุดจะมาพร้อมกับ แบตเตอรี่ประเภท ” Lithium Ternary ” โดยเมื่อทำการ ชาร์จ จนเต็ม 100% ทางบริษัทผู้ผลิตเคลมว่า มันสามารถวิ่งได้ เป็นระยะทางไกลมากถึง 500 กิโลเมตร ซึ่งการชาร์จแบบธรรมดา จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ก็มีระบบชาร์จเร็วให้มาด้วย โดยจะใช้เวลาอยู่ที่ 45 นาที จากการชาร์จจาก 0 – 80%

2. ” MG ZS EV ” ( ราคาเริ่มต้นที่ 949,000 บาท )

รถไฟฟ้าราคาถูกในไทย

นี่คือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในลักษณะของรถ SUV ที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน ด้วยความที่มันมีพื้นที่ใช้สอย ภายในห้องโดยสารที่กว้างใหญ่ มันจึงกลายเป็นรถ EV อเนกประสงค์ ที่น่าจับตามองมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งและได้มี การปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ในปี 2023 นี้ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ มันเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบเพียว ๆ ที่สามารถให้พละกำลังสูงสุดได้มากถึง 177 แรงม้า

โดยแบตเตอรี่ในรุ่นนี้ ถ้าหากว่าชาร์จเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถวิ่งได้ระยะทางมากถึง 403 กิโลเมตร มีระบบชาร์จมาให้ 2 ระบบนั่นก็คือ การชาร์จแบบธรรมดา MG Home Charger 0 – 100 % ใช้เวลาอยู่ในราว 7 ชั่วโมง 15 นาทีและระบบชาร์จเร็ว 30 – 80 % ในเวลา 30 นาที ภายในถูกตกแต่งด้วยวัสดุที่ให้ ความรู้สึกหรูหรากับ ผู้ที่เป็นเจ้าของ

รวมไปจนถึงฟังก์ชัน การใช้งานของ รถไฟฟ้าไม่ถึงล้าน ที่ให้มากันแบบครบครันอย่างเช่นระบบ ” iSmart ” ที่พร้อมรับคำสั่งการทำงาน ด้วยเสียงพูดเป็นภาษาไทย มีระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ มีฟังก์ชันของเสียงร้องเตือน ในกรณีที่รถออกนอกเลน รวมไปจนถึงระบบ การเตือนมุมอับสายตาถือเป็น รถไฟฟ้า MG ราคา ประหยัดที่น่าใช้งานเป็นอย่างมากอีกรุ่นหนึ่ง

3. ” MG EP ” ( ราคาเริ่มต้นที่ 761,000 บาท )

ราคารถยนต์ไฟฟ้า 2565

สำหรับรุ่นนี้มันคือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในสไตล์รถ ” Wagon ” ที่เริ่มจะมีให้เห็นบนท้องถนนกันบ้างแล้ว ซึ่งคุณสมบัติของรถรุ่นนี้ คุณจะไม่สามารถหาได้จากรถรุ่นไหน ในตลาดของเมืองไทยเวลานี้อย่างแน่นอน เพราะมันถูกออกแบบมา ให้เป็นรถยนต์สำหรับครอบครัว ที่มีขนาดใหญ่ ขึ้นชื่อในเรื่องของพื้นที่บรรทุกสัมภาระและผู้โดยสาร ที่กว้างใหญ่มากเป็นพิเศษ

แบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งมา ในรถยนต์รุ่นนี้จะเป็นแบบ ” Lithium-ion ” เมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม จะสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลมากถึง 380 กิโลเมตร ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้พละกำลังอยู่ที่ 163 แรงม้า พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง 3 โหมด ที่คุณจะสามารถเลือกใช้งาน ให้เข้ากับสถานการณ์ ในการเดินทางทุกรูปแบบ มันพร้อมที่จะพาคุณและสมาชิกทุกคน เดินทางไปในทุกที่

ระบบชาร์จพลังงานไฟฟ้า ของรถยนต์รุ่นนี้จะมีมาให้ทั้ง ระบบชาร์จเร็ว 0 – 80 % ใน 40 นาที และระบบการชาร์จแบบปกติ 0 – 100 % ผ่านอุปกรณ์ ” MG Home Charger ” ซึ่งจะใช้เวลาอยู่ประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที โดยหากว่าคุณกำลัง มองหารถยนต์สำหรับ การเดินทางพร้อมกับทุกคนในครอบครัว รถรุ่นนี้ก็จะสามารถตอบโจทย์คุณได้ในทุกด้าน

4. ” POCCO รุ่น MM และรุ่น DD ” ( ราคาเริ่มต้นที่ 429,000 บาท )

รถไฟฟ้า MG ราคา

มันคือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับ การออกแบบรูปลักษณ์ตัวถังภายนอกให้มี ความเล็กกะทัดรัดเหมาะสมกับ การใช้งานของคนรุ่นใหม่เป็นอย่างยิ่ง ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยบริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังของเมืองไทย ” BRG Group ” ซึ่งความโดดเด่นของ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จากประเทศจีนรุ่นนี้นั่นก็คือ มันมีราคาที่ทุกคน สามารถจะเป็นเจ้าของได้ โดยไม่ยากเย็นนัก

ซึ่งราคาที่ว่านั้นก็มี ความใกล้เคียงกับรถยนต์ ” Eco Car ” ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในเมืองไทยของเรา ก่อนหน้านี้แล้ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันมี ยอดจำหน่ายในประเทศไทยสูง เป็นจำนวนหลายพันคันต่อปีและยังไม่มีทีท่า ที่ยอดจำหน่ายจะชะลอตัวลงเลย ตัวในรุ่นสูงสุดสามารถชาร์จเต็มและวิ่งได้ เป็นระยะทางไกลอยู่ที่ 178 กิโลเมตร

เนื่องจากว่ามันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัด ระบบการชาร์จพลังงานแบตเตอรี่ จึงให้มาเพียงระบบเดียว นั่นก็คือระบบปกติ ซึ่งจาก 0 – 100 % ก็จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 6 – 8 ชั่วโมง มีความเหมาะสมสำหรับผู้ที่เป็นแม่บ้าน หรือว่านักศึกษา ที่กำลังมองหา รถไฟฟ้า ขนาดเล็ก จดทะเบียน ได้ ราคา ประหยัดสำหรับใช้ขับเดินทางไปเรียน เพราะมันมีคุณสมบัติอันโดดเด่นนั่นก็คือ สามารถหาพื้นที่จอดรถได้ง่ายนั่นเอง

และบรรดารถยนต์ที่ใช้พลังงาน จากแบตเตอรี่ไฟฟ้าทุกรุ่น ที่เราได้นำเอาข้อมูลมานำเสนอ ให้กับคุณในวันนี้ ก็หวังว่ามันจะเป็นข้อมูล ที่มีประโยชน์สำหรับ การตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ประหยัดพลังงาน มาใช้งานกันในชีวิตประจำวันของทุกคน

ถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนผลงาน ภาพยนตร์ซีรีย์จากเอเชียตัวจริง ยังมีผลงานอีกมากมาย ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรับชมและคุณจะสามารถพบมันได้ไม่ยาก ถ้าหากว่าคุณเข้าไปค้นหาที่ ซีรีย์จีน

เชื่อว่าแฟนพันธุ์แท้ผลงาน ภาพยนตร์ซีรีย์เกาหลีตัวจริงเช่นคุณ จะไม่มีทางพลาดความบันเทิงในรูปแบบเนื้อหาเรื่องราว ที่คุณชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าคุณเข้าไปค้นหาผลงานเหล่านั้นที่ ซีรีย์เกาหลี

Artist Em

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต
รถไฟฟ้าแห่งอนาคต 2023 รุ่นไหนดีน่าขับ ตอบโจทย์คนไทย ที่คุณห้ามพลาด

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต 2023 รถยนต์พลังงานทางเลือก ที่น่าจับต้อง ฉลาด ไฮเทค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

โลกของเราทุกวันนี้ กำลังก้าวเข้าสู่ เทคโนโลยีที่ทันสมัย มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ๆ โดยเฉพาะ ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ ที่ตอนนี้กำลัง ได้รับความนิยมสุด ๆ แนวโน้ม รถยนต์ในอนาคต อย่าง รถไฟฟ้าแห่งอนาคต ความนิยมก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีท่าที ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งตอนนี้โลก หันมาให้ความสนใจ กับพลังงานสะอาดมากขึ้น และลดการใช้จ่าย น้ำมันที่ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้รถไฟฟ้า กลายเป็นที่จับตามอง อยู่ในขณะนี้นั้นเอง วันนี้เราก็เลยจะมา แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ ให้ทุกคนได้ดูกัน ว่ามีรถรุ่นไหนบ้าง ที่ตอนนี้ได้เปิดตัว

ในประเทศไทย ให้ทุกคนได้ จับจองกันบ้างและ รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต pantip มีข้อดีอย่างไร ทำให้เราถึง ต้องเลือกจับจอง กันให้ได้เราอย่ารอช้า แล้วไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต รถพลังงานสะอาด มีข้อดี – ข้อเสียอย่างไร ทำไมถึงมี แนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาดูกัน

อย่างที่เราเคยพูด กับทุกคนในข้างต้นว่า แนวโน้มการใช้ รถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ ในประเทศไทย เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วย ลดมลภาวะในอากาศแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นทุก ๆ วันทำให้ตอนนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ต่างก็แข่งขันผลิต

หรือนำเข้ารถพลังงาน ทางเลือกนี้เข้ามา ให้พวกเราได้จับจอง กันค่อนข้างเยอะมาก ๆ แน่นอนว่าก่อนที่ จะไปดูว่า มีรถรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง เราไปดูข้อดี – ข้อเสีย กันก่อนดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง ทำไมเราถึงต้อง หันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้ากัน

ข้อดี – ข้อเสียของ นวัตกรรม EV รถสุดทันสมัย มีอะไรบ้าง ? 

ข้อดี – รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลภาวะ ไม่ทำร้ายธรรมชาติบนโลก
  • ขึ้นชื่อเรื่องความประหยัด และไม่ต้องใช้น้ำมัน ทำให้เราสามารถ ลดค่าใช้จ่าย ในการเติมน้ำมันได้
  • เป็นรถที่ช่วยลด มลภาวะทางเสียง เพราะส่วนใหญ่รถไฟฟ้า เป็นรถที่เงียบมาก ๆ จะมีเพียงของมอเตอร์เท่านั้น
  • สามารถทำความเร็ว ได้ค่อนข้างต่อเนื่อง

ข้อเสีย – รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

  • จุดให้บริการ ทุก สาย ในประเทศไทยตอนนี้ ยังมีไม่มากพอ กับความต้องการของตลาดที่ อนาคตรถไฟฟ้าในไทย กำลังเพิ่มสูงขึ้น
  • ใช้เวลาในการชาร์จไฟ จนเต็มหนึ่งครั้ง ใช้เวลาค่อนข้างนาน ( 6 – 8 ชั่วโมง )
  • ค่าซ่อมบำรุง มีราคาที่ค่อนข้างสูง
  • มีข้อจำกัด ในการเดินทางระยะไกล ๆ อีกทั้งความเร็วของรถ ยังไม่สามารถสู้ รถที่ใช้น้ำมันได้

รถพลังงานไฟฟ้า 2023 สุดไฮเทค ที่กำลังตี ตลาด รถไฟฟ้า ในประเทศไทย มียี่ห้อไหนน่าสนใจบ้าง ?

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต

1 . Audi e-tron

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต คันแรกที่เรา เอามาแนะนำ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน เรามากันที่ Audi e-tron ที่เป็นรถไฟฟ้า แบบมอเตอร์คู่ ที่มีกำลังสูงสุดอยู่ที่ 360 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 561 นิวตัน สามารถทำความเร็วได้ถึง 200 km/h และส่วนที่สำคัญที่สุด แบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุอยู่ที่ 95 kWh

ระยะทางสามารถ วิ่งได้ไกลสุด 463 กิโลเมตร ต่อการชาร์จจนเต็ม 1 ครั้ง อีกด้วยนะทุกคน แอดมองว่ามันน้อยไปนิด แต่ก็ถือสเปคอื่น ๆ ยังคงน่าสนใจอยู่ ถ้าเราใช้ขับในเมือง หรือขับไปดู ซีรีย์ฝรั่ง ชิล ๆ ในระยะทางไม่ไกลมาก ก็ถือว่าโอเคเลยค่ะ ส่วนรูปลักษณ์ไม่ถึงพูดถึง เพราะยังไงก็เท่ สมกับเป็นรถยี่ห้อ Audi จริงไหมคะ

ราคาประมาณ : 5,100,000 – 5,299,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต pantip

2 . Tesla Model 3

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต ต่อมาเรียกได้ว่า อนาคต รถน้ำมัน ต้องมีสั่นคลอน กันบ้างแน่นอนกับ Tesla Model 3 ที่ตอนนี้ได้เปิดตัว ในประเทศไทย พร้อมราคาออกมาเรียบร้อยแล้ว สำหรับรถเริ่มต้น จะเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง มีกำลังอยู่ที่ 283 แรงม้า สามารถวิ่งได้ไกลถึง 559 กิโลเมตร

และรุ่นต่อมา long range เป็นรุ่นที่ขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ มีกำลังอยู่ที่ 498 แรงม้า ระยะทางวิ่งได้ไกล 681 กิโลเมตร และรุ่นสุดท้าย performance ขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่นกันมีกำลังอยู่ที่ 513 แรงม้า สามารถวิ่งระยะทางได้ไกลถึง 605 กิโลเมตร ต่อการชาร์จจนเต็ม 1 ครั้ง ถือว่าค่อนข้างไกล ทีเดียวเลยค่ะ

ราคาประมาณ : Standard RWD 1,759,000 บาท , Long Range AWD 1,999,000 บาท , performance AWD 2,309,000 บาท

แนวโน้ม รถยนต์ในอนาคต

3 . ORA Grand Cat 2023

รถไฟฟ้าแห่งอนาคต รุ่นสุดท้ายถูกใจสาว ๆ กันอย่างแน่นอนกับ ORA Grand Cat 2023 รถไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ทรงคูเป้ขนาดกลาง สุดน่ารักที่แบตอึดสุด ๆ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จจนเต็มเพียง 1 ครั้ง เลยนะทุกคน แถมรุ่นท็อปยังมี มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 2 ตัว ขับเคลื่อนด้วย 4 ล้อ

มีกำลังอยู่ที่ 408 แรงม้า อีกด้วยถือว่าเป็น รถที่เหมาะกับสาว ๆ แบบเราสุด ๆ เราสามารถขี่ ไปเที่ยวต่างจังหวัด แบบไม่ไกลมาก หรือขับใน ก ทม ได้แบบสบายเลยค่ะ เพียงแค่เราคำนวณ แผนที่ เส้นทาง ให้ดีก็ไปเที่ยวกันได้แล้ว

ราคาประมาณ : 1,000,000 – 1,420,000 บาท

จบกันไปแล้วกับ รถไฟฟ้าที่เรา เอามาฝากทุกคน เป็นอย่างไรบ้างคะ ถือว่าเป็นรถพลังงาน ทางเลือกที่น่าสนใจ เลยใช่ไหมคะทุกคน รับรองเลยค่ะว่า ถ้าเรามีครอบครองสักคัน ดีกว่าเราเสียงเงินขึ้น รถไฟ ความเร็ว สูง ที่เราไม่ต้องไปเบียด กันคนอื่นแน่นอน และสำหรับครั้งหน้า เราจะมากันที่ เรื่องราวบันเทิงอย่าง ซีรีย์ไทย สนุก ๆ กันบ้างใครที่ ชอบดูซีรีย์ต้องห้ามพลาดเลยค่ะ

เรียบเรียงโดย : chamomile

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ
ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ ที่น่าจับตามอง ฉลาด ไฮเทค เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ กับเทคโนโลยี และ นวัตกรรม ทันสมัยที่จะมายกระดับยานยนต์ จนคุณเองก็ต้องทึ่ง

เวลาที่เราได้ยิน ว่าโลกของเรา กำลังเข้าสู่ การเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเข้ามามีผล กับพวกเรามากขึ้นรวมไปถึง ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ ที่ปัจจุบันนี้ มีการพัฒนาให้ทันสมัย กว่าสมัยก่อนมาก ๆ และทุกวันนี้ผู้คน เริ่มหันมาให้ความสนใจ กับรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และนอกจากนี้

ในอนาคตข้างหน้า ยานยนต์ยุคอนาคต อาจจะขับเคลื่อนด้วย หุ่นยนต์ในอนาคต ทั้งหมดก็ได้ จริงไหมคะทุกคน และเพราะแบบนี้ วันนี้เราก็เลย อยากจะแนะนำ ให้ทุกคนได้ดูกันว่า ตอนนี้มีไอเดียยานยนต์ ในอนาคตอะไรบ้าง ที่น่าสนใจ และตอนนี้มีรถไฟฟ้า ที่พวกเราสามารถ เข้าถึงได้แล้ว มีรุ่นไหนมา แนะนำ รถแห่งอนาคต บ้างไปดูกันเลยค่ะ

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ นวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ ที่กำลังจะเกิด ขึ้นจริงในอนาคตข้างหน้า มีไอเดียอะไร น่าสนใจบ้าง

แน่นอนว่าตอนนี้ รถยนต์สมัยใหม่ ทุกวันนี้เริ่มมี รถยนต์ที่ใช้พลังงาน ไฟฟ้าเข้ามา ใช้งานได้จริง แบบขับเคลื่อน 100 เปอร์เซ็นต์ ให้พวกเราใช้งาน กันได้จริงแล้ว และในอนาคต ต่อจากนี้จะมี ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ อะไรที่น่าสนใจ อีกบ้างที่ตอนนี้ กำลังซุ่มพัฒนา วิวัฒนาการ รถยนต์ในอนาคต เข้ามาเปลี่ยนแปลงพวกเรา ในอนาคตกันบ้าง

1 . รถ ไร้ คน ขับ ( Autonomous Car )

รถที่มีความเป็นไปได้ มากที่สุดในตอนนี้ ที่เราไม่ต้องรอ รถยนต์ในอนาคต 2050 ที่ใช้เวลายาวนาน ขนาดนี้เรายกให้ รถยนต์ไร้คนขับ ( Autonomous Car ) เลยค่ะทุกคน แถมตอนนี้เรา ก็เริ่มเห็นรถยี่ห้อ Tesla เริ่มทำเทคโนโลยี มาใช้ในชีวิตแล้วด้วย ตอนนี้เมืองหลวงใหญ่ ๆ ก็เริ่มหันมาใช้งาน กันแล้วด้วยนะ

ถือว่าสะดวกสบายสุด ๆ เราสามารถปล่อยรถ ให้ขับเองแล้วเรานอนดู ซีรีย์ disney เพลิน ๆ ได้เลยจริงไหมคะ แต่คงยังไม่เหมาะ กับประเทศไทย เท่าไหร่ด้วยหลาย ๆ ปัจจัยทั้งถนน ทั้งการขับรถ ของคนไทยจริงไหมคะ

2 . ยืนยันตัวตน ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ( Biometric System )

ส่วนใหญ่เราจะเห็น เทคโนโลยีบน โทรศัพท์มือถือ ของเราใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะปลดล็อก โทรศัพท์ของเราด้วย การสแกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือก็เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ยานยนต์ก็กำลัง พัฒนาให้เราสามารถ ใช้ฟังก์ชันพวกนี้ ได้ใช้กันย่างแน่นอน และเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เราอาจจะต้องรอ รถในอนาคต 2030 ก็ได้จริงไหมคะ

3 . ตรวจวัดสุขภาพ ของคนขับรถ และความพร้อมอัจฉริยะ ( Fitness and Productivity Trackres )

รถในอนาคต การ์ตูน ที่เราเคยเห็นกัน ที่รถจะคอยตรวจเช็ก สุขภาพของคนขับ อาจจะเกิดขึ้นจริง กับพวกเราในอนาคต อย่างแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบชีพจร ตรวจจับเซนเซอร์ ที่พวงมาลัย และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อ อำนวยความสะดวก ในการเดินทางของเรา ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 นวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ 2023 ที่ขับเคลื่อนด้วย พลังงานไฟฟ้าสุด ไฮเทค มีรุ่นไหนบ้าง ที่น่าสนใจ

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ

1 . BMW iX3 M Sport

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ คันแรกเรามากันที่ BMW iX3 M Sport เป็น รถยนต์ไฟฟ้า 2023 ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ที่มีเครื่องยนต์ ให้พวกเราได้ใช้งาน กันทั้งหมด 4 แบบ ด้วยตัวถังที่มี การออกมาแบบเหมือนกัน นั่นก็คือ เครื่องยนต์แบบดีเซล เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์เบนซินปลั๊กอินไฮบริด และสุดท้ายขับเคลื่อน ด้วยไฟฟ้านั่นเอง

เรียกได้ว่าตอบโจทย์ ทุกการใช้งาน ของจริงแถมตัวรถ BMW iX3 M Sport ไฟฟ้าสามารถขี่ ระยะทางได้ไกลสุด 460 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ไปเที่ยวไกล ๆ ได้สบายเลยค่ะ และวันนี้เรามี รูปรถในอนาคต รุ่นนี้มาฝากอีกด้วย

ราคาประมาณ : 3,399,000 บาท

นวัตกรรมใหม่ รถยนต์อัจฉริยะ

2 . Mercedes EQS 500 4MATIC

รถรุ่นต่อมา เรามากันที่ Mercedes EQS 500 4MATIC ที่พึ่งจะเปิดตัว ไปเมื่อช่วงปลายปี 2022 ได้ไม่นานเลยค่ะ ระบบจุดเด่น ของรถรุ่นนี้จะมี มอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ตัว มีพละกำลังมากถึง 449 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อ แถมความจุแบต ก็มีมากถึง 108.4 kWh ทำให้เราสามารถ วิ่งได้ไกลสุด 702 กิโลเมตร เลยนะทุกคน ขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดดู ซีรีย์ netflix จบซีซั่น แบตยังไม่หมดเลยจริงไหมคะ

ราคาประมาณ : 7,900,000 บาท

รถยนต์สมัยใหม่

3 . BMW i7

ยานยนต์แห่งอนาคตน่าขับ รุ่นสุดท้ายที่เรา เอามาแนะนำ BMW i7 เป็นรถ ยนต์ ไฟฟ้า ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าถึง 2 ตัว พละกำลังมากถึง 544 แรงม้า ใช้ระบบการขับเคลื่อนที่ ที่เป็นระบบ 4 ล้อ สามารถขับได้ ระยะทางไกลสุด 625 กิโลเมตร ต่อการชาร์จจนเต็มหนึ่งครั้ง มีการออกแบบ ดีไซน์เรียบหรูดูแพงสุด ๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ ไม่น้อยเลยค่ะ

ราคาประมาณ : เริ่มต้น 7,599,000 – 8,599,000 บาท

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับรถยนต์ ไฟฟ้า แต่ละรุ่นที่เรา เอามาแนะนำ พร้อมกับเทคโนโลยี ยานยนต์ที่กำลัง จะเกิดขึ้นในอนาคต น่าสนใจสุด ๆ กันไปเลยใช่ไหมคะ และสำหรับครั้งหน้า พวกเราจะมีบทความเกี่ยวกับรถ แห่งอนาคตที่น่าสนใจ อะไรมาฝากทุกคนอีก สามารถเข้ามา ติดตามเพิ่มเติม ที่ช่องทางเว็บไซต์ ของเรากันได้เลยค่ะ

เรียบเรียงโดย : chamomile

ยานยนต์ยุคอนาคต
ยานยนต์ยุคอนาคต เป็นไฮเทคโนโลยี และเป็นนวัตกรรมยุคใหม่

ยานยนต์ยุคอนาคต วิวัฒนาการ รถยนต์ในอนาคต ที่เราจะได้เห็นภายใน 10 ปีนี้นั้นมี รุ่นอะไรกันบ้าง?

ยานยนต์ยุคอนาคต คือความจริงที่ว่า เมื่อเทคโนโลยี มีความเจริญ ก้าวหน้าไปมาก ถึงมากที่สุด เพราะว่ามันคือ สิ่งที่ทำให้ มนุษย์ยุคใหม่ สามารถก้าวข้าม ขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างที่เมื่อก่อน เคยบอกว่าทำไม่ได้ อย่างการทำ ยานยนต์ยุคอนาคต ที่ทำให้มัน สามารถบินได้

ที่ก่อนหน้านี้ เราคิดเพียงว่า มันคงเป็นแค่ จินตนาการเท่านั้น แต่มาวันนี้ มีรถยนต์หลายค่ายแล้ว ที่ไม่ได้ละเลยเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังได้มีการ มุ่งมั่นพัฒนา เทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต ที่ว่านี้เพื่อ ให้เป็นความจริงขึ้นมา ได้ในที่สุด

และถึงแม้ว่าบางค่ายของ พวกรถยนต์เหล่านั้น จะไม่ได้พัฒนา กันไปถึงขั้นที่ จะทำให้รถยนต์ สามารถบินได้จริง ๆ แต่การพัฒนา และคิดค้นเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ เห็นได้ถึงความน่าทึ่ง ซึ่งในวันนี้ เราจะได้มา แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ กันนะคะว่า จะมีรุ่นอะไรกันบ้าง ที่ได้ขึ้นแท่น เพื่อยกให้เป็นรถยนต์ ที่จะอยู่ใน แผนพัฒนาแห่งยานยนต์ ในอนาคต

ยานยนต์ยุคอนาคต เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ มีอะไรบ้าง ที่ได้กลายเป็น จุดเริ่มต้นของรถ ในรูปแบบที่ ไม่เคยมีมาก่อน

1. Mercedes-Benz Vision AVTR เรียกกันได้ว่า รถรุ่นนี้เป็นรถ รุ่นประวัติศาสตร์เพราะว่าเป็น ยานยนต์ยุคอนาคต ที่ได้จุดประกายของ จินตนาการของยานยนต์ แห่งโลกอนาคต ที่อยู่ภายใต้คอนเซ็ป ของยานพาหนะ ชนิดพิเศษ ที่เคยดูใน ซีรีย์ iqiyi

เป็นการนำเอา การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องจักร และธรรมชาติ เช่นเดียวกันกับ ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า symbotic ของพวกคนอย่าง Na ’ vi ที่ได้อยู่ใน Pasndora จาก Avatar ที่เรียกกันว่า เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่ pdf แบบตามกันไม่ทัน เลยทีเดียวค่ะ

และรุ่นนี้ไม่เหมือน รถคันไหนในโลก แถมระบบควบคุมของมัน ก็ไม่ได้ทำมา ตามแบบที่เคยทำ รถ ก่อนนี้มาก่อนเลย เพราะว่าการควบคุม คือการที่ผู้ขับขี่ จะเอามือวางไว้ ที่คอนโทรลเลอร์ ที่มีไฟส่องสว่าง ขึ้นมาในคอลโซลกลาง เพราะว่ามันจะใช้ นวัตกรรม ที่หลากหลายของ ชีวภาพที่อยู่ ที่ชีพจรของคุณ และรวมไปถึง อารมณ์ของคุณด้วย

ที่แน่ ๆ ก็คือเราจะเห็นได้ว่า รูปลักษณ์ภายนอกนั้น ดูแปลกตาอย่างมาก คือลืมเรื่องบอดี้ใหญ่ ๆ หรู ๆ สไตล์เบนซ์ไปได้เลย เพราะว่ามันเหมือน ยนตรกรรมแห่งอนาคต ที่คล้ายกันกับ ยานอวกาศ ขนาดเล็กมากกว่าค่ะ

ยานยนต์ยุคอนาคต

เป็นรุ่นที่ทาง Audi และ Airbus กับ Italdesing ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา

2. Audi and Airbus Pop up คิดว่าคงอีกไม่นาน ที่เมื่อเราขึ้นแท็กซี่ คงจะไม่ต้องถาม กันอีกต่อไปนะคะ ว่ารถติดไหม เพราะในขณะนี้ เริ่มจะมีค่ายดัง ๆ ที่ได้ออกมา ร่วมกันพัฒนา แท็กซี่ไร้คนขับ แถมสร้างมาในแบบ ที่สามารถบินได้ ตอนนี้กำลังอยู่ ในช่วงพัฒนาและให้ชื่อว่า Pou.Up Next

เจ้ารถรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่มี ถึงสามบริษัท ร่วมกันพัฒนาแบบย่อ 1 : 4 ซึ่งได้ทำรถต้นแบบ กันออกมาแล้วด้วย ในเบื้องต้นยังไม่ได้เปิดเผย อะไรมากเกี่ยวกับ เทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต รุ่นนี้เพราะว่า ยังเป็นข้อมูล ที่สงวนลิขสิทธิ์ รู้แค่เพียงว่า มันบินได้เท่านั้น

ซึ่งเป็นการรวม เอาระบบการขับเคลื่อนด้วย พลังงานของไฟฟ้า ผนวกเข้ากับ เทคโนโลยี แบบขับขี่อัตโนมัติ รวมไปถึงนำเอาหลัก เหตุผลของโดรนที่ ใช้ขนส่งผู้โดยสาร ที่ตอนนี้ได้ นำเอามาคิดแล้ว ก็อัดมันเข้าไปอยู่ใน เจ้ารถคันนี้พอ ๆ กับการพัฒนา หุ่นยนต์ในอนาคต กันเลยแหละค่ะ

มีการคิดกันออกมา ว่าเหตุผลของการ ที่สร้างในตอนแรกนี้ ก็เพื่อนำมา แก้ปัญหาของ การจราจร แต่ว่ายังไม่ถึงขั้น ที่จะนำมา ให้ผู้คนใช้เดินทาง ไปไหนต่อไหนได้ เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ เป็นยนตรกรรม ที่เราต้องเตรียมใจ จะยอมรับให้เป็น รถในอนาคต 2030 นี้เลยนะคะ

เทคโนโลยีรถยนต์ในอนาคต

ขึ้นแท่น 10 อันดับ รถ ในอนาคต ในแบบที่เป็น จินตนาการลอยฟ้า

3. Terrafugia TF – X จากบริษัท Terrafugia ที่มีความตั้งใจ ที่จะผลิต อากาศยานยนต์ ด้วยการได้นำเอา รถต้นแบบของรุ่น ที่มีชื่อว่า TF – X มันก็คือรถ ไฮบริดที่บินได้ ที่เรียกได้ว่า เป็นความภูมิใจ ของทางผู้ผลิต เพราะว่าเจ้ารุ่นนี้ คือรุ่นที่สามารถ ขึ้นลงกันได้ ในแนวดิ่งเลยทีเดียว

เพราะว่าเขาใช้ เทคโนโลยี ควบคุมการบิน ด้วยไฟฟ้าหรือ fly by wire ที่ทางผู้ผลิต ได้มีการระบุว่า มันเป็นระบบ ที่ใช้การควบคุม การบินด้วยเครื่อง ยนต์ ไฟฟ้า นั่นเองนะคะ แถมยังบอกอีกด้วยว่า คนที่จะสามารถ ขับรถรุ่นนี้ได้นั้น แค่ผ่านการอบรม 5 ชั่วโมงเท่านั้น ก็ขับได้แล้ว

เพราะว่าการขับรถรุ่นนี้ มันง่ายเหมือนกับการ ขับรถยนต์เลยทีเดียว และที่สำคัญ ซึ่งค่ายอื่นยังทำไม่ได้ คือจะสามารถ ที่จะบินขึ้นและลงได้ ดั่งใจอีกด้วย

และสำหรับรายละเอียด ในเชิงเทคนิครวมถึง วัสดุ นั้นก็บอกแต่เพียงว่า เป็นยานยนต์ที่มี เครื่องยนต์ที่ 300 แรงม้าพร้อมกับมอเตอร์ ไฟฟ้า อีก 600 แรงม้าและทั้งสองอย่างนี้ เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ที่จะทำให้ เจ้ารถคันนี้ ขึ้นและลงจอดได้ แบบสะดวกนั่นเอง

หุ่นยนต์ในอนาคต

เป็นรถไฟฟ้า ขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 4

4. Toyota LQ เมื่อไม่นานมานี้ในงาน Tokyo Motor Show ชาวโลกก็ได้เห็น รถต้นแบบรุ่นนี้ กันในแบบเต็ม ๆ ตาเรียกได้ว่า รูปลักษณ์และดีไซน์ สวยงามโดดเด่นมาก ทางผู้ผลิตได้ออกมา บอกว่ารุ่นนี้ เขาได้รับการต่อยอด ของการพัฒนามาจาก Concept – I

ที่ตัวถังของรถรุ่นนี้ มีความยาวที่ 4,530 มม. และมีความกว้าง 1,840 มม. ที่มาพร้อมกันกับ ฐานล้อที่กว้าง 2,700 มม. ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ขอให้นึก ไปที่รุ่นของ Toyota Prius Hybrid ในโฉมปัจจุบันนั่นเองค่ะ ตัวโชว์ตัวนี้ ก็จะมีทั้งขนาด และความใกล้เคียงกัน กับเวอร์ชันของ ตัวที่จะได้ ผลิตมาจำหน่ายจริง

เจ้ารถรุ่นนี้เขามา พร้อมกับระบบ AI ที่มีชื่อว่า Yui จะมาคอยแนะนำและ ช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งจะมาช่วยเรื่องของ การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างครบครัน

ชื่อน้องเอไอ ทำให้แอบคิดถึง ซีรีย์ viu ที่เคยมีซีรีย์ไซไฟ ฉายกันมาแล้วเป็น เรื่องเกี่ยวกับรถในอนาคต แบบที่มีเอไอ มาเป็นตัวช่วย รายงานเรื่องของ การระบายอากาศ เครื่องเสียง และอีกหลายอย่าง ที่อยู่ภายใต้การควบคุม อัตโนมัตินั่นเองค่ะ

และถึงแม้ว่า เจ้าพวกรถยนต์ แห่งโลกอนาคต ที่เราได้นำเสนอ กันไปแล้วนั้น ดูแล้วอาจจะมี ความน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง แต่มันบ่งบอก ให้ได้ทราบว่า เมื่อพวกมนุษย์ มีจินตนาการ ทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้น ได้อย่างแน่นอน

และถ้าหากว่า ได้รวมกันเข้ากับ อุตสาหกรรมที่ดี พร้อมด้วยข้อมูล และเทคโนโลยี ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ขอรับรองได้ว่า รถพวกนี้พวกเรา จะได้มีโอกาสนั่งกัน อย่างแน่นอนเลยค่ะ

เรียบเรียงโดย NANAMI

ยนตรกรรมแห่งอนาคต
เทคโนโลยียานยนต์ ยนตรกรรมแห่งอนาคต ที่ทุกคนเฝ้ารอ ชวนสัมผัสนวัตกรรมสุดล้ำ

ยนตรกรรมแห่งอนาคต รถยนต์แห่งอนาคต รถยนต์ที่กำลังได้รับการพัฒนา จนน่าจับตามอง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทด้านเทคโนโลยี และรถยนต์จำนวนมาก อาทิเช่น Toyota, Tesla Motars และ Nisson เป็นต้น โดยบริษัทเหล่านั้น กำลังที่จะคิดค้นและพัฒนา ยนตรกรรมแห่งอนาคต เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนวัตกรรมอนาคต ในอีกสิบปี ยี่สิบข้างหน้า เพื่อให้เหาะกับทรัพยากร ในวันข้างหน้า เป็นทางเลือกเลือกให้กับผู้คนในอนาคต

อุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มผลิตและคิดค้น รถยนต์ พลังไฟฟ้า เป็นรถยนต์พลังงานทางเลือก ที่ใช้สำหรับการเปลี่ยนแปลง จากยานพาหนะเครื่องสันดาป มาเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่า อนาคต รถสันดาป กำลังจะหมดยุค ในอีกไม่ช้า และจะถูกแทนที่ด้วย ยานยนต์ไฟฟ้า มีหลายบริษัท กำลังพัฒนาให้ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นที่รู้จักและนิยมในวันข้างหน้า

ยนตรกรรมแห่งอนาคต อนาคตรถยนต์ เทคโนโลยีที่เกิดใหม่ ยานยนต์ไร้ซึ่งคนขับ

บริษัทในหลายๆ บริษัทในไทยตอนนี้ กำลังริเริ่มที่จะพัฒนา เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และนำมาใช้สำหรับการสร้างรถยนต์ เรียกได้ว่า ยนตรกรรมแห่งอนาคต กำลังเป็นที่น่าจับตามอง อุตสาหกรรมยานยนต์ เห็นว่า AI จะสามารถ ช่วยให้การใช้รถ ใช้ถนนในอนาคตนั้น สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นั้นเป็นเพราะAI ที่คำนวณ และติดต่อสื่อสารกันเองได้ จึงช่วยให้รถขับเคลื่อนไปอ่างแม่นยำ และหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้มากยิ่งขึ้น

รถยนต์แห่ง อนาคต EV ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน เรียกว่าเครื่องยนต์ในอนาคต จะไม่ทำให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อม โดยจะเปลี่ยนจากการใช้น้ำมัน มาเป็นพลังงานทดแทนสะอาด อย่างเช่น ไฟฟ้า หรือน้ำเป็นต้น และหลายบริษัทส่วนใหญ่ เป็นพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น

ยาน ยนต์ ไฟฟ้าในไทย กำลังพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะถูกนำมาใช้สร้างรถยนต์ ในหลายๆ บริษัทมีแผนที่จะผลิตชิ้นส่วนต่างๆ จากเครื่องพิมพ์สามมิติ และจะมีราคาถูกลงเรื่อยๆ

เรียกได้ว่า ในอนาคตการใช้เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ มาผลิตรถยนต์ให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ ได้เป็นอย่างแน่นอน

ยาน ยนต์แห่งอนาคต 4 อันดับ ยานยนต์แห่งอนาคต ยานยนต์พลังงานทางเลือก ที่น่าจับต้อง

ยนตรกรรมแห่งอนาคต ทางเลือกพลังงานทดแทน กำลังเป็นที่น่าจับตามอง อีกทางเลือกในไทย ยนตรกรรมแห่งอนาคต เริ่มถูกนำมาใช้แทนรถสันดาปมากขึ้น ในหลายประเทศ

และในตอนนี้พวกเราจะมา แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ 4 แบรนด์ ที่กำลังได้รับความนิยม เป็นอย่างมากในตอนนี้

ยนตรกรรมแห่งอนาคต

The new EQS 450+ AMG Premium

เป็นยานยนต์ไฟฟ้า อย่างเต็มรูปแบบจากแบรนด์เมอร์เชเดล-อีคิว อย่าง The new EQS 450+ AMG Premiumถูกจัดทำขึ้นมาจากแบบ ของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ ในทุกๆ รายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิศวกรรม ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายใน

ตามปรัชญาความคิดของ Sensual Purity ของเมอร์เซเดส เบนซ์ เข้ากับแนวคิดของ Progressive Luxury ที่แสดงผลลัพธ์ ออกมาในรูปของดีไซน์แบบไร้รอยต่อ โดยที่ทั้งรถยนต์ มีการออกแบบ ให้เหมาะกับอนาคต ไม่ว่าจะเป็น

ไฟหน้าทั้งสองที่เชื่อมไปด้วยเส้น Light Band ด้านบน ตามมาด้วยเส้นโค้ง ที่ต่อกันเป็นเส้นเดียว จากส่วนหน้าจนไปถึงส่วนหลัง ในสไตล์แบบฟาสต์แบ็ค และยังมีไฟท้าย LED ที่มาพร้อมกับดีไซน์ 3D Helix ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ การเป็นยนตรกรรมสมัยใหม่

ทางด้านตัวเครื่องยนต์ จะมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดียว มาพร้อมกับความจุแบต 107.8 กิโลวัตต์ ใช้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า และพร้อมแรงบีบสูงสุด 568 นิวตันเมตร ทำความเร็วในการวิ่ง ด้วยความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่งความจุของแบตเตอรี่ ขนาดใหญ่ทำให้อีคิวตัน คันนี้สามารถวิ่งไปไกลได้ถึง 770 กิโลเมตร ต่อการชาร์จแบตจนเต็ม 1 ครั้ง

และคาดว่า ประเทศเราจะได้สัมผัสกับ อีคิวตัน คันนี้ได้ภายในปี 2022 เป็นอย่างแน่นอน

อนาคต รถสันดาป

Audi e-tron Sportback 55 quattro S line
เป็นรถเอสยูวีทรงสปอร์ตคูเป้ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ มาพร้อมกับการมาพร้อมกับการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ด้วยระบบไฟฟ้า และเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ทำให้พละกำลังสูงสุด 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า สามารถวิ่งสูงสุดระยะทาง 463 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้งเต็ม

การขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าของ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line มีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ 2 รูปแบบ คือ พลังงานจากทำให้รถวิ่งได้แบบลอยตัว และพลังงานจากการเบรก แถมยังมาพร้อมกับการออกแบบ ให้มีจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำลง

ทำให้มีการกระจายน้ำหนักที่สมดุลมากขึ้น โดยจะมี Perfect Balance อยู่ที 50:50 ภายนอกของ Audi e-tron Sportback 55 quattro S line มีการออกแบบใหม่ความหรูหรา ของรถสปอร์ตและมีการตกแต่งแบบ Diamond Cut แถมด้วยเบาะนั่งคู่หน้าแบบ S Sports มาพร้อมกับราคา ที่สูงในแบบฉบับของรถสปอร์ต ที่ราคาเริ่มต้น 5,299,000 บาท

รถยนต์ พลังไฟฟ้า

The N ew Maserati Ghibli Hybrid

The New Maserati Ghibli Hybrid ยนตรกรรมดีไซน์สวย ที่ใช้การขับเคลื่อนแบบผสมผสาน ของเครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ร่วมกับอัลเทอร์เนเตอร์ 48 โวลล์

ด้วยระบบ Mild Hybrid และมาพร้อมกับ อิเล็กทรอนิกส์แบบซูเปอร์ชาร์จ ร่วมกับแบตเตอรี่บริเวณท้ายรถ เพื่อการกระจายน้ำหนักที่สมดุลและนั้นทำให้ The New Maserati Ghibli Hybrid มีน้ำหนักที่เบากว่า Ghili เครื่องยนต์ดีเซล 80 กิโลกรัม

แต่ในด้านความแรง รถรุ่นนี้ก็ไม่มีแผ่ว ด้วยกำลังสูงสุด 330 แรงม้า และมีแรงบิดที่ 450 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 255 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ซึ่ง Ghili 2022 เป็นยานยนต์รุ่นแรกของค่ายที่ใช้ระบบนี้

Ghibli Hybrid ถูกออกแบบให้ทั้งภายนอก และภายในเป็นดีไซน์แบบรถสัญญาติอิตาเลียน ให้เชื่อมโยงกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ตรีศูล สิ่งที่แสดงถึงความเป็นไฮบริด คือการใช้สีน้ำเงิน กับระบบระบายอากาศด้านข้าง

และนอกจากนี้บริเวณของเบาะ มีการใช้สายฟ้าของโลโก้ตรีศูล เป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อถึงเทคโนโลยีไฟฟ้าและโลกแห่งอนาคต ที่มาในราคา 5,990,000 บาท

รถยนตรกรรมแห่งอนาคต การใช้ รถไฟฟ้า กับ รถ สันดาป ที่จะถูกแทนที่ ด้วยยนตรกรรมแบบใหม่ จะทำได้จริงไหม

ยานยนต์แห่งอนาคต ที่จะถูกนำเข้ามาในไทย ในอีกไม่นาน พวกคุณคิดว่ามันจะเป็นได้มากน้อยแค่ไหนที่จะนำ ยนตรกรรมแห่งอนาคต เข้ามาใช้ต้องบอกว่าทุกอย่างมีข้อดี และข้อเสีย หรือจะบอกว่าถ้ามีข้อดี ก็คงต้องข้อเสียเหมือนกัน

ด้วยสภาพอากาศบ้านเราก็คงสร้าง ปัญหา รถ EV ในไทย ได้ไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว ก่อนที่เราจะไปดูปัญหาหรือข้อเสียของรถไฟฟ้า เราส่องดี ของยานยนต์ใหม่กันก่อนดีกว่า

ข้อดี
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ที่รถไฟฟ้าจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะรถรุ่นนี้จะไม่ปล่อยก๊าซพิษออกมา ประหยัดค่าใช้จ่าย เรียกได้ว่าประหยัดค่าน้ำมันไปได้มากกว่า อย่างแน่นอนอยู่แล้ว และยังค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงรักษาน้อยกว่า เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์
เงียบและเร็ว เพราะรถรุ่นนี้ไม่มีการจุดชนวนเพื่อการเผาไหม้ จึงทำให้ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ และเพราะมีมอเตอร์ไฟฟ้าทำให้วิ่งได้เร็วกว่ารถที่ใช้น้ำมัน

ข้อเสีย
จุดชาร์จไฟ ถึงรถไฟฟ้าจะได้รับ รถยนต์ไฟฟ้าจะมีความนิยมสูง แต่กับมีจุดชาร์จไฟ ที่ไม่ครอบคลุม และยังใช้เวลาในการชาร์จพอสมควร ระยะในการขับขี่ เพราะพลังงานที่ใช้เป็นแบตเตอรี่ ทำให้มีขีดจำกัด และนั้นส่งผลให้ระยะทางนั้น ขึ้นอยู่กับขนานของแบตเตอรี่

การบำรุงรักษา ในปัจจุบันถึงรถไฟฟ้า จะได้รับความนิยม แต่แทบจะไม่มีอู่ซ่อมรถไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ และด้วยระบบจำเพาะของระบบ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงนานกว่าปกติ

ยานยนต์แห่งอนาคต เป็นรถที่กำลังเป็นที่นิยม ถึงแม้จะยังมีปัญหาสำหรับการใช้งานในไทย แต่ก็หวังว่าในวันข้างหน้าเราจะได้ใช้รถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างรถยนต์ไฟฟ้า ให้กลายเป็น รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน ได้ในไม่ช้า

เป็นอย่างไรบ้างกับเนื้อหาในวันนี้ หากว่ายังไม่จุใจ เราขอแนะนำบทความที่น่าสนใจ ในหมวดอื่น ๆ หรือจากเว็บเพื่อนบ้าน อย่างบทความที่ว่า ดูซีรีย์ฟรี และ ดูซีรีย์ ด้วยค่ะ สำหรับวันนี้ก็คงหมดแล้ว ไว้พบกันครั้งหน้าสวัสดีค่ะ

เขียนโดย -หลงวาริน-

รถยนต์ byd auto 3
รถยนต์ byd auto 3 รถไฟฟ้า 100% สุดพรีเมี่ยมน่าจับจองเป็นเจ้าของ

รถยนต์ byd auto 3 รถยนต์ระบบไฟฟ้า 100% มีสเปกอะไรน่าสนใจบ้าง คุ้มค่าคุ้มราคาแค่ไหน

ในยุคสมัยนี้ เราเชื่อว่าไม่มีใคร ที่ไม่รู้จัก รถยนต์ byd auto 3 คันนี้กันอย่างแน่นอน เพราะว่าคือรถยนต์ ระบบไฟฟ้าแบบ 100% ที่เปิดตัวเวอร์ชัน พวงมาลัยข้างขวา ในประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และมาถึงประเทศไทย แล้วเป็นที่เรียบร้อย

และเพราะแบบนี้เอง วันนี้พวกเรา รถสวย รถซิ่ง วิ่งทำกิน อยากจะมา รีวิว byd auto 3 ให้ทุกคนได้รู้จัก กันแบบคร่าว ๆ ว่าเขามีระบบการทำงานอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง ที่พวกเราต้องไปติดตามกัน

รถยนต์ไฟฟ้า BYD auto 3 มีจุดเด่นอะไร น่าสนใจบ้าง ที่คุณต้องเข้ามาดู

รถยนต์ byd auto 3

รถรุ่นนี้เป็นรถไฟฟ้า ที่เป็นประเภท B – SUV ดีไซน์การออกแบบดูเรียบหรู ส่วนตัวหน้ารถ จะมีหน้าที่มี ความคล้ายกับมังกร ตามสไตล์ของรถยี่ห้อ BYD ตัวไฟหน้ารถใช้ไฟ LED แบบเต็มระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟสูง – ไฟต่ำ และนอกจากนี้ ตัวรถรุ่นนี้มี Panoramic Sunroof เปิด – ปิด แบบระบบไฟฟ้า อีกด้วยนะทุกคน

และส่วนที่สำคัญที่สุด อย่างแบตเตอรี่รถ เขาก็ให้ความจุมากถึง 60.4 kWh ถ้าเทียบกับระยะทาง สามารถขี่ได้ไกลถึง 480 กิโลเมตร เลยค่ะทุกคน เรียกได้ว่าขี่ไปกลับต่างจังหวัด ได้อยู่นะทุกคน

พอมาถึงตรงนี้ ทุกคนสงสัยกันใช่ไหมคะว่า byd auto 3 ราคา อยู่ที่เท่าไหร่ ตอนนี้รถรุ่นนี้ มีราคาอยู่ที่ 1.1 ล้านบาท ถือว่าราคาพอ ๆ กับรถไฟฟ้ารุ่นอื่นเลยจริงไหมคะ และครั้งหน้าเราจะมา แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ ตัวไหนอีกต้องมา ติดตามกันให้ได้เลยค่ะ

-หลงวาริน-

byd คืออะไร
byd คืออะไร อยากรู้ต้องไม่พลาดแล้วล่ะ บอกเลยว่าน่าสนใจสุด ๆ

byd คืออะไร มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น จะได้คุยกับเพื่อนได้รู้เรื่อง

byd คืออะไร ในช่วงปลายปี 2022 หลาย ๆ คนคงจะได้เคยเห็นข่าว ของค่าย รถไฟฟ้า BYD ออกมาสักพัก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเลย ที่ไม่รู้จักว่า บีวายดี คืออะไร วันนี้อลิสจะมาให้ข้อมูลเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับค่ายรถไฟฟ้านี้ให้มากยิ่งขึ้นค่ะ

สำหรับ byd ชื่อเต็ม ว่า “Build Your Dream” เป็นค่ายรถที่เป็นสัญชาติจีนแท้ ๆ ที่ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ เอาง่าย ๆ เลยถ้าเทียบค่ายรถ ที่ผลิตรถไฟฟ้าแล้วละก็ เป็น 1 ใน 3 ของโลกที่มียอดขายและผู้ใช้งานมากที่สุด แต่ก่อนที่จะมาเป็นบีวายดี อย่างที่เราเคยเห็นกัน ในรูปแบบของรถไฟฟ้า ในปี 2002 นั้น เป็นบริษัทที่ผลิต และจำหน่ายแบตเตอรี่ ของโทรศัพท์มือถืออย่าง NOKIA และ MOTOROLA

และเพื่อน ๆ เชื่อไหมว่า ภายในช่วงระยะเวลาเพียงไม่นาน ไม่ถึง 10 ปีนะ ก็ได้ครองส่วนแบ่ง ทางการตลาดแบตเตอรี่มือถือ ไปถึง 50% เลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ขึ้นแท่นเป็น ผู้ผลิตแบตเตอรี่เจ้าใหญ่ที่สุด ในประเทศจีนอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

byd คืออะไร มาทำความรู้จัก ให้มากขึ้นกันอีกขั้นดีกว่า 

BYD ประวัติ ผู้บริหารนั้นชื่อคุณ Wang Chuanfu สตอรี่ของเค้านั้น ก็มีความเป็นมาอย่างน่าสนใจ เพราะในตอนเด็ก ๆ นั้น เค้าไม่ได้เกิดมา ในครอบครัวที่เพียบพร้อม หรือฐานะที่ดี แต่ด้วยความที่เติบโตมากับ ครอบครัวที่ยากจน ตัวเค้าเอง ไม่เคยด้อยค่าให้กับสิ่งเหล่านั้น เค้ากลับผลักดันตัวเอง ให้มีความรู้ ความสามารถ จนเรียนจบปริญญาโทมหาลัย Beijing Non-Ferrous Research Institute อีกด้วย

หลังจากที่เรียนจบ ก็ได้มาทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องของการวิจัยแบตเตอรี่ จนเค้าเก็บเงินได้ก้อนนึง ในปี 1995 จึงเริ่มเปิดบริษัทที่ชื่อว่า BYD Company Limited ขึ้นมา ซึ่งบริษัทนี้นี่แหละ ที่เป็นจุดกำเนิดของ การผลิตแบตเตอรี่แบบลิเทียมไลออน ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้

เวลาผ่านไป แต่การพัฒนานั้น ไม่ได้หยุดนิ่ง กลับมีส่วนแบ่งทางการตลาด ของแบตเตอรี่ มากที่สุดในประเทศจีน ทำให้เค้านั้นเริ่มมองหา รถไฟฟ้า ที่จะใช้แบตตารี่ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ก็ซื้อ บริษัทรถยนต์ Tsinchuan Automobile และทำการเปลี่ยนชื่อเสร็จสรรพเป็น BYD Auto ไปเลยสิคะ ซึ่ง byd ชื่อจีน ไม่มีนะ เค้าจะเรียก บีวายดี เหมือนเรา ๆ นี่แหละ

ผ่านมาจนปี 2008 การพัฒนาไม่หยุดยั้ง ในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ต้องทำงานร่วมกันกับรถไฟฟ้า ซึ่งในตอนนั้น ยังคงเป็นเพียงรถแบบปลั๊กอินไฮบริด หรือที่เรารู้จักว่า PHEV เป็นคันแรกของโลกได้ ย้ำ คันแรกของโลก ทำเอาทั้งคน จีน เอง หรือแม้แต่ต่างชาติ ก็ให้ความสนใจแบบสุด ๆ และรถรุ่นนั้น มีชื่อว่า BYD Auto’s F3DM PHEV-60 hatchback

ความน่าสนใจของการพัฒนา ไม่ได้สูญเปล่าเลย กลับมีนักลงทุน ชาวต่างชาติชื่อดังอย่าง คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้ามาร่วมลงทุน ด้วยเงินจำนวนว่า 7,000 ล้านบาท และนี่จึงเป็นก้าวที่สำคัญ ที่ทำให้ BYD ได้ถูกพัฒนามากขึ้นในทุก ๆ ปี รวมถึงมีคนรู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศจีนเอง หรือต่างประเทศ

การส่งออกรถไฟฟ้า เป็นในรูปแบบรถขนส่งอย่าง รถราง รถแท็กซี่ รถบัส รถตู้ และอื่น ๆ ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี จากหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงทางทวีปยุโรปอีกด้วย เป็นยังไงล่ะ ก็น่าจะทราบกันดีว่า ถ้าไม่เจ๋งจริง ทางยุโรปไม่ได้นำเข้าง่าย ๆ นะ

3 รุ่นรถ EV จากค่าย BYD ที่กำลังนำเข้ามา ตีตลาดในประเทศไทย

BYD ประวัติ

เรื่องราวสนใจเกี่ยวกับรถไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้าไทยมาได้สักพักหนึ่ง กับค่ายที่น่าสนใจจากจีน อย่าง BYD วันนี้เราจะมารีวิวฉบับสั้น ๆ ของรถจากค่ายนี้กัน ขอเริ่มต้นกันที่รุ่น ATTO 3 รูปร่างอาจจะดูแล้วคล้าย ๆ BYD e6 2022 สำหรับค่าย BYD นั้นถ้ามีรถจำนวน 2 ตระกูลหลัก เคยเป็นรถไฟฟ้าพื้นฐาน e-Platform 3.0 มาเริ่มต้นกันที่ภายนอกของรถกันก่อน

กับ รถ ไฟฟ้าประเภท B-SUV อย่าง byd auto 3 โดยมีรูปร่างคล้ายคลึงกับหน้ามังกร ในส่วนของไฟหน้าก็จะใช้ไฟ LED ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟสูง หรือว่าไปต่างก็ตาม และสำหรับไฟ DRL ที่บริเวณกระจังหน้านั้น ก็จะมาในรูปแบบติดทึบ โดยเป็นจุดเด่นของรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ตรงบริเวณด้านหน้าส่วนของป้ายทะเบียน

ก็จะมีช่องสำหรับรับอากาศ เป็นส่วนที่นำความร้อนจากแบตเตอรี่ออกมา แล้วก็ความร้อนของมอเตอร์ ในขณะที่ขับเคลื่อน โดยที่ตรงกลางนั้นก็จะเป็นเรดาร์ ในส่วนของความปลอดภัยของตัวรถนั่นเอง สำหรับด้านหน้าของตัวรถนั้น ก็จะพบการออกแบบลายเส้น ที่ส่งผลให้ยกหลังคา ในส่วนหน้าให้สูง

แล้วก็จะลาดลงไป ที่บริเวณหลังรถนั่นเอง เป็นตัวส่งเสริมเรื่องพื้นที่ ของห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และยังมีผลทางด้านอากาศ พลศาสตร์อีกด้วย วัดระยะจากความสูง ที่พื้นจนถึงแบตเตอรี่ อยู่ที่ 175 มิลลิเมตร ต่อมาก็จะเป็นในส่วนของไฟเลี้ยว

ซึ่งจะติดอยู่บริเวณกระจกมองข้าง และมีกล้องที่สามารถมองได้รอบคันแบบ 360 องศามาให้ด้วย สำหรับการสตาร์ทเครื่องนั้น ก็ทำได้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือระบบ NFC ซึ่งจะเป็นคีย์การ์ดของรถนั่นเอง การจัดแบบปลดล็อกรถนั้น สามารถทำได้ที่กระจกมองข้าง

ส่วนของหลังคา ก็จะเป็นแบบ Panoramic Sunroof แน่นอนว่า ใช้ระบบไฟฟ้าในการเปิดปิด โดยการใช้ปลายนิ้วแตะที่ปุ่มเท่านั้น ที่สำคัญยังมีราวหลังคา ใช้สำหรับติดตั้งสัมภาระเพิ่มเติม หากคุณต้องการขนสัมภาระไปด้วย

และนอกจากนี้ มีระบบป้องกันการหนีบ ของกระจกข้างทั้ง4 บาน รวมถึงประตูท้ายไฟฟ้า และบริเวณด้านท้าย ก็จะมีชื่อเต็มของ byd อ่านว่า บิ้วท์ ยัวร์ ดรีม ตรงตัวนั่นเอง เมื่อเปิดประตูท้ายก็จะพบเจอกับ ห้องเก็บสัมภาระ ขนาดความจุนั้นอยู่ที่ 440 ลิตร ในส่วนของพื้นที่บริเวณดังกล่าว ก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ได้รับความกว้าง หรือความลึกที่คุณนั้นพอใจ

เปิดเข้าไปด้านล่าง พื้นบริเวณดังกล่าว ก็จะมีอุปกรณ์ที่ทางโชว์รูมแถมมาให้ ซึ่งก็ได้แก่ แม่แรงยกรถ ป้ายเตือนและเสื้อสะท้อนแสง ชุดสำหรับปะยางไม่ว่าจะเป็น ปั๊มลมหรือว่าน้ำยาก็มีมาให้ด้วย

เบาะหลังก็สามารถที่จะพับนอนราบ 180 องศาได้ และสามารถปรับในส่วนแผ่นรอง ให้มีขนาดเท่ากับเบาะหลัง ที่นอนราบ สำหรับเบาะหลังนั้น ก็จะทับในรูปแบบ 60:40 ได้นั่นเอง และหากทับลงในแนวราบพร้อมกับแผ่นรอง ก็จะพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าว มีความจุถึง 1,340 ลิตร สำหรับความลึกนั้นก็จะอยู่ที่ 180 เซนติเมตร หากคุณเลื่อนเบาะหน้าไปจนสุดด้วยนะ

เตรียมจ่อเข้าเร็ว ๆ นี้อย่าง BYD รถ รุ่น Dolphin น่ารักปุ๊กปิ๊ก

byd อ่านว่า

ขอต่อกันที่รถรุ่นต่อไป ซึ่งก็เป็นรุ่นที่น่าสนใจเช่นกัน กับรถรุ่น dolphin เจ้าโลมาน้อย จากค่าย BYD สำหรับรุ่นนี้นั้น จะพบว่ามีความหวานขึ้น และมีความน่ารักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีม่วงหรือว่าสีชมพู ในส่วนของหน้าจอ ที่มีในรถก็ฟลิบได้เหมือนเดิม เชื่อมแอปเปิ้ลตาร์เพลย์ ดูซีรีย์ฝรั่ง ได้เลยล่ะ ที่วางของทั้งหมดดูน่ารัก

ในส่วนของกระจังหน้าจะเป็น 3 มิติมีโลโก้ byd ชุดโคมไฟหน้าก็ดูน่ารัก ตรงด้านหน้ารถ ก็จะดูคล้ายกับหัวกระสุน สมบูรณ์แบบทั้งเรื่องงานประกอบ และการทำสี สีรถตัวอย่างที่มารีวิวในวันนี้ รอบคันก็จะเป็นสีชมพู แต่ฝากระโปรงรถนั้นก็จะเป็นสีเทา ซึ่งก็เป็นสีที่ตัดกันได้ดี สำหรับรถรุ่น Dolphin

จะมีขนาดเล็กกว่า ATTO 3 อยู่นิดหน่อย เพราะฉะนั้นรถรุ่นนี้ย่อมมีราคาที่ถูกกว่า ATTO 3 อย่างแน่นอน มาดูที่สเปคของรถรุ่นนี้กัน เนื่องจากรถรุ่นนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวก่อน ATTO 3 แต่สุดท้ายแล้วก็เปิดตัวทีหลัง

ระยะการวิ่งอยู่ที่ประมาณ 405 ซึ่งก็เป็นมาตรฐาน NDC นั่นเอง 0-100 ประมาณ7-9 วินาที Top Speed จะอยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การชาร์จไฟฟ้ารองรับ Type 2 combo แล้วก็รองรับ AC DC ด้วย สูงสุดของ DC ก็รองรับมากถึง 60 กิโลวัตต์ บริเวณด้านข้างในส่วนของด้านบนล้อรถ จะตีเส้นขึ้นมาชัดเจน โป่งซุ้มล้อจะเป็นสีดำด้าน สำหรับลวดลายของล้อ ก็จะเป็นสีรถผสมกับสีโครเมียม

ซึ่งเอกลักษณ์ของรถ byd ตรงกระจกมองข้างจะเป็น NFC สามารถใช้คีย์การ์ดปลดล็อกรถ และล็อกรถได้ พร้อมกับมีกล้อง ที่กระจกมองข้าง บริเวณหลังคาก็จะเป็นสีกรอซ สำหรับมือจับประตูก็จะเป็น keyless

ปิดท้ายกันที่ รถ BYD รุ่น Seal รุ่นที่หลาย ๆ คนรอคอย น่าสนใจยังไง ตามมาดู

byd คืออะไร

BYD รุ่น Seal แมวน้ำทรงพลัง สำหรับรุ่นนี้ ก็ออกแบบมาเป็นรถสปอร์ต ซึ่งก็มีดีไซน์ที่เรียบหรู สำหรับค่าภาษี ของแรงเสียดทาน จะอยู่ที่ 0.219 Cd เท่านั้น รูปแบบของตัวถังนั้น ก็จะมีการถอดแบบมาจาก Ocean-X concept ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้รถนั้น ดูหรูและดู dynamic ในทุกมุมมองนั่นเอง

แน่นอนว่าไฟหน้า เป็นแบบ LCD เป็นรูปทรงของตัว C นั่นเอง และส่วนของฝากระโปรงหน้า ก็มีความโค้งที่รองรับกับ ชุดไฟหน้าอีกด้วย เต้นสายบริเวณด้านข้างของตัวรถ ก็มีดีไซน์ที่เน้นไปที่ ความเพรียวบาง และในส่วนของมือจับประตู ก็ถูกออกแบบ ให้ราบเรียบไปกับตัวรถอีกด้วย

หลังคาบริเวณด้านท้าย ก็จะมีการลดเท ในรูปแบบของคูเป้นั่นเอง ในส่วนของไฟท้ายก็จะเป็น LED อีกเช่นกัน ซึ่งก็จะมีลักษณะเรียวยาว มีความทันสมัยแบบรถรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งไฟท้ายก็จะวางยาว เต็มพื้นที่บริเวณด้านท้าย พร้อมกันนั้นก็จะยังมี กันชนท้ายขนาดใหญ่

บริเวณล้อก็เป็นแบบอัลลอย มีสีในรูปแบบทูโทน ซึ่งลวดลายก็จะมีรูปร่าง คล้ายกับใบพัด ขนาดก็อยู่ที่ 18-19 นิ้ว สำหรับห้องโดยสารนั้น รูปแบบของดีไซน์ก็เหมือนกับอยู่ในมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ ช่องระบายอากาศ ลวดลายจะมีลักษณะเป็นคลื่น และเพิ่มเติมด้วย การตกแต่งด้วยขอบสีน้ำเงิน

ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลกลาง คอนโซลหน้า เบาะนั่งแล้วก็แผงประตู ก็จะมีสีลักษณะดังกล่าวทั้งหมด ออกแบบเป็นรูปคลื่นด้วยเช่นกัน สำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นหนัง ก็จะใช้หนังเกรดพรีเมียม ซึ่งจะให้สีโทนสว่าง ซึ่งก็คือสีขาวนั่นเอง จุดเด่นที่น่าสนใจนั่นก็คือ มีหน้าจอ ซึ่งก็เป็นแท็บเล็ตขนาด 15.6 นิ้ว

แน่นอนว่า มันสามารถหมุนได้ และเป็นหน้าจอแบบ LCD มีขนาดความกว้างของหน้าจออยู่ที่ 10.2 5 นิ้ว พวงมาลัยเป็นแบบลาย 3 ก้าน multi function ตกแต่งด้วยหนังสีดำ ระบบเครื่องเสียง ก็จะมีลำโพงมาให้ถึง 10 ตำแหน่งด้วยกัน และหากเป็นตัวท็อป ก็จะใช้ลำโพงแบบ Dynaudio ซึ่งมีด้วยกันกว่า 12 ตำแหน่ง

อ่านมาถึงตรงนี้ หากจะถามว่า รถ byd ดีไหม ก็ตอบได้ไม่ยาก ว่าเป็นรถที่ดีและน่าสนใจสุด ๆ เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพงมาก หากเปรียบเทียบกับ tesla ติดทางรถไฟฟ้าแบบเต็มระบบ นี่ก็เป็นพลังงานสะอาด และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากในอนาคต แทบทุกปั๊มน้ำมัน จะสามารถที่จะชาร์จไฟฟ้าได้

ก็น่าจะซื้อไว้สักคัน เพื่อทดแทนรถแบบน้ำมัน เนื่องจากพลังงานไฟฟ้านั้น สามารถหาได้ง่ายกว่าน้ำมันนั่นเอง สำหรับ byd ใครนําเข้า ในไทย ซึ่งก็คือบริษัท เรเวอร์ ออโตโมทีฟ และยังมีโชว์รูมที่จำหน่ายทั่วประเทศในตอนนี้ถึง 33 แห่ง ซึ่งภายในปี 2566 นี้จะขยายโชวฺรูมเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ทั่วประเทศอีกด้วย

ใครบอกว่าสนใจ อยากทดลองขับ ก็สามารถค้นหาโชว์รูมใกล้บ้าน เพื่อเข้าไปชมรถ ทดลองขับจริง ๆ ก่อนตัดสินใจได้เลยล่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้า จะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับเรื่องของ แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ รุ่นใดกันต่อ ฝากติดตามชมด้วยนะคะ ตอนนี้ต้องขอตัวไปผ่อนคลายกับการ ดูซีรีย์ญี่ปุ่น สักเรื่องก่อน สวัสดีค่ะ

เขียนโดย อลิส

BYD e6 2022
BYD e6 2022 BYD Thailand ประกาศเผยโฉมรุ่นรถ ที่เตรียมวางขายในไทยสิ้นปีนี้

BYD e6 2022 รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ ในเมืองไทยเพียง 3 รุ่น ที่ถูกนำเข้ามา ดังนั้นในปลายปีนี้

รีวิวรถยนต์รุ่นใหม่ BYD e6 2022 หรือ รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ ( รถไฟฟ้า byd ) ขนาดคอมแพกต์ ทรง MPV หรือมีอีกชื่อว่า Multi Purpose Vehicle ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดยักษ์ใหญ่ นำเข้าจากจีนเข้ามาเปิดตัวแล้วที่ไทย โดย BYD Thailand ประกาศเผยโฉมรุ่นรถนี้ ที่เตรียมวางขายในไทยสิ้นปี 2022 ซึ่งรุ่นแรกที่เปิดให้จับจองคือ byd atto 3

ในเทคโนโลยี การออกแบบดีไซน์รถ BYD รุ่นนี้นั้นไม่ใช่รถธรรมดาทั่วไป แต่เป็นถึงรถไฟฟ้า ที่เพิ่มความสะดวกรอบด้าน ให้แก่เพื่อน ๆ ทุกคน และนำสมัยมากเช่น ไม่ต้องใช้กุญแจ เพียงกดปุ่ม Push-start ก็พร้อมออกรถได้ทันที มีประโยชน์อย่างมาก กับคนที่ไม่อยากพกกุญแจให้รกกระเป๋า เพียงแค่กดปุ่ม ก็สามารถขับรถไปไหนมาไหนได้สะดวกแล้ว

เพราะในโลกปัจจุบันนั้น มีการจำหน่าย รถยนต์ ไฟฟ้า อเนกประสงค์ในเมืองไทยเพียง 3 รุ่น ที่ถูกนำเข้ามา ดังนั้นในปลายปีนี้ ทางบริษัท BYD จะประเดิมด้วย BYD e6 2022 ซึ่ง รถ byd ในไทย จะเหมาะสำหรับคนที่ตอบโจทย์ เรื่องของความกว้างในการเก็บของ การนั่งให้ไม่เบียดกัน หรือกับคนที่ชื่นชอบรถ อเนกประสงค์ และเหมาะกับการเป็นรถครอบครัว ที่นั่งกันได้ถึง 5 ที่นั่ง

BYD e6 ราคา

รถ BYD e6 2022 ตัวรถถูกออกแบบ ให้มีรูปทรงคล้ายรถตู้ แต่มีการออกแบบสบายกว่า โดยที่จำนวนที่นั่งมี 5 ที่นั่งด้วยกัน

แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ ตัวรถนั้นออกแบบ BYD e6 spec มาเพื่อความสบายของความกว้าง ในพื้นที่นั่งมากกว่า และต้องมีพื้นที่ในการเก็บของ ที่กว้างขวางกว่ารุ่นอื่นด้วย ซึ่งไม่ได้ถูกออกแบบมา ให้เน้นเรื่องความเร็วเท่าไหร่ ระยะทางที่ไฟฟ้าอเนกประสงค์ สามารถวิ่งได้ทั้งหมด 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐานการทดสอบมาแล้วจาก NEDC ซึ่งน่าเชื่อถือได้แน่นอน แต่ดันมีข้อเสียตรงที่ความเร็วสูงสุดทำได้ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การออกแบบดีไซน์ภายนอกนั้น โดยมีขนาดตัวถังของ BYD e6 2022 ถูกนำไปจัดอยู่ในกลุ่มของคอมแพกต์ มีขนาดอยู่ที่ กว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูงที่มีมากถึง 1,670 มิลลิเมตร ต่อด้วยยาว 4,490 มิลลิเมตร และความยาวฐานล้อทั้ง 2 อยู่ที่ 2,800 มิลลิเมตร ส่วนล้อที่ให้มาเป็นขนาด 17 นิ้ว

ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่น 2 ดีไซน์ออกมา ให้ดูทันสมัยมากขึ้น กว่าโฉมแรกที่เริ่มจำหน่ายในไทย ทั้งกระจังหน้าแบบปิดทึบ และออกแบบให้มีการกรุลาย เพิ่มรายละเอียดเพื่อไม่ให้ตัวรถ BYD e6 2022 ดูเรียบมากจนเกินไปค่ะ รวมถึงการเดินคิ้ว ในส่วนของด้านหน้า ท้ายรถ และกรอบหน้าต่างด้านข้าง เพื่อเพิ่มความโค้งให้ออกมาดูดี

BYD e6 ราคา ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อไหมว่า มีผู้ให้ความสนใจเยอะสุด ๆ

byd ราคารถ

ส่วนการออกแบบดีไซน์ภายในนั้น ค่อนข้างที่จะเรียบง่าย ไม่ได้เน้นความสวยงาม แต่เน้นการใช้งานเป็นหลักค่ะ และถูกแบ่งแผงหน้าปัดเป็น 3 เลเยอร์

1.มีจอที่จะแสดงข้อมูลดิจิทัล ขนาดใหญ่ถึง5 นิ้ว

2 ตกแต่งด้วยวัสดุคล้ายลายไม้ เรือนไมล์ออกแบบเป็นแบบแอนะล็อก และ

3 จออินโฟเทนเมนต์มีขนาด 10 นิ้ว มีประโยชน์ในเรื่องของ สามารถหมุนปรับจอ เป็นแนวนอนหรือแนวตั้งได้ มีคอนโซลช่วยติดตั้ง ปุ่มปรับตำแหน่งเกียร์ และติดตั้งเบรกมือไฟฟ้า

รถ byd ดีไหม สำหรับรุ่นนี้ มีเบาะโดยสารจะเป็นแบบ 2 แถวหน้ามี 2 และแถวหลังมี 3 ที่นั่ง จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 5 คนด้วยกัน

และมีการติดตั้งแอร์ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เพื่อในอากาศถ่ายเทและสดชื่น ไปกับความเย็นภายในรถ รวมถึงมีการติดตั้งระบบกรองอากาศ CN95 ที่จะช่วยกรองอากาศ ในผู้โดยสารหายใจได้อย่างสะดวกสบาย และยังสามารถคัดกรองฝุ่น PM 2.5 ได้แบบไม่มีปัญหา

ด้านหลังเบาะที่นั่ง จะมีพื้นที่ให้เก็บสัมภาระได้ถึง 580 โล ซึ่งถือว่ากว้างขวางมาก และสามารถบรรจุของได้เยอะ จะมีประโยชน์อย่างมาก กับคนที่จะไปเที่ยวแล้วต้องพกสัมภาระไปเยอะ ถือว่า รถ byd e6 2022 สามารถแบ่งเบาภาระได้เยอะอย่างมาก ที่สำคัญในตัวเบาะนั่งสามารถพับได้ หลากหลายรูปแบบ จะนั่งก็ได้จะนอนก็ดีได้ตามใจชอบ

ในตัวเครื่องยนต์นั้น ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ตามมาด้วยแรงบิดจำนวน 180 นิวตันเมตร มีการจ่ายไฟด้วยแบตเตอรี่ลิเทียม ไอออน ฟอสเฟต หรือ LFP ที่ออกแบบเป็นแผ่นบาง วางตั้งเรียงกัน ขนาดความจุ 70 กิโลวัตต์-ชั่วโมง มอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถให้กำลังสูงสุด ได้ถึง 94 แรงม้า และแรงบิด 180 นิวตันเมตร

แบตเตอรี่มีขนาดความจุ 70 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง แต่จะใช้เวลาในการชาร์จเพียงแค่ 1-5 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าเป็นเวลาที่เร็วมาก ไม่ทำให้เสียเวลาไปกับการรอแบตเตอรี่เต็ม

ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ได้รับการพิสูจน์ ตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC แต่ความเร็วสูงสุดทำได้ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ไฟด้วยแบตเตอรี่ หรือ LFP ที่ออกแบบเป็นแผ่นบาง วางตั้งเรียงกัน มีชื่อเรียกว่า Blade Battery

ต่อมาคือระบบความปลอดภัย ของรถรุ่นนี้ จะมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทุกที่นั่งหน้า-หลัง และติดตั้งอุปกรณ์ถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 จุดด้วยกัน มีจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็กทารกด้วย มีกล้องหน้าคอยส่องข้างหลังเวลาถอยรถ และคอยบอกระยะทางในการถอยรถ ไม่ให้ชนรถข้างหลัง มีระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง และเสียงเตือน คนเดินถนนเพื่อกันการขับชน

BYD e6 2022

ในส่วนของระบบความปลอดภัยนั้น ถือเป็นความปลอดภัย ที่ออกแบบดีไซน์มาดีมาก

เพราะสามารถช่วยให้ ตัวคนขับและผู้โดยสารเกิดอุบัติเหตุได้น้อยลง และช่วยเสริมความรอบคอบ ความสะดวกสบาย ในการใช้ระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยด้วย ทำให้เด็กเล็กก็สามารถนั่งรถได้อย่างปลอดภัย และผู้คนภายนอกที่มีการเดินข้ามถนนก็ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดียิ่งขึ้น

สรุปสเปครวมของ รถไฟฟ้าอเนกประสงค์ บีวายดี อี 6 ได้ดังนี้

ขนาดตัวรถยาวถึง 4490 มิลลิเมตร ตามด้วยความกว้าง 1810 มิลลิเมตร สูงได้มากถึง 1670 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้ออยู่ที่ 2720 มิลลิเมตร พละกำลังสูงสุด 94 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อด้วยระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม. สามารถชาร์จไฟได้ทั้งกระแสสลับ และกระแสตรง ซึ่งสะดวกต่อการชาร์จไฟมาก ราคาจำหน่ายในไทย ราคาเหมาะสมกับการดีไซน์มากด้วย

รายละเอียดของรถ ก็จะมีสีทั้งหมด 2 สี คือสีน้ำเงิน Blue มีหลังคาสีดำ และ สีขาว Crystal White ภาพรถจริงสีสวยมากค่ะ แถมยังมีขนาดภายใน ที่กว้างสมชื่อของความสะดวกสบาย

หากไปเป็นครอบครัว ก็คงไม่เบียดกันอย่างแน่นอน จะนอนค้างคืนที่ไหนหรือขนของเยอะ ๆ ก็สามารถใช้รถรุ่นนี้ ได้อย่างไร้ข้อกังขา เป็นที่นิยมอย่างมาก ให้คนที่ชอบความสะดวกสบาย จะไปที่ไหนไกล ก็สามารถขับรถรุ่นนี้ไปได้เหมือนกัน

ถูกตั้งจำหน่ายในไทยBYD e6 2022 ราคา เปิดตัวเริ่มต้นอยู่ที่ 1,390,000 บาท หลายคนอาจจะมองว่าเป็นราคาที่แพง แต่ถ้ามองในเรื่องของวัสดุและความสะดวกสบาย อลิสถือว่ารถรุ่นนี้นั้น คุ้มกับราคาที่เสียไปค่ะ ไหนจะมีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนา คอยเป็นตัวช่วยให้เรา ในการเดินทางหรือพื้นที่กว้างขวางที่สามารถแบกสัมภาระไปได้เยอะ

byd ราคารถ ขนาดนี้ ที่ถือว่าไม่ได้แพงนะคะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณได้รับ เดินทางสะดวก เบาะที่นั่งก็ปรับได้ทุกแบบสามารถ เลือกนอนได้ทุกท่าตามที่เพื่อน ๆ ต้องการ

และมีระบบคัดกรองฝุ่น PM 2.5 ไปในตัวรถ ที่ช่วยเรื่อง การหายใจหรือกำจัดมลพิษ ทางอากาศได้ดี เพราะปัจจุบันเราจะพวกเจอ กับมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 เยอะมาก นี่จึงเป็นอีกตัวช่วย ให้เราขับรถอย่างสบายใจค่ะ

เอาล่ะ จบลงไปแล้วสำหรับเรื่องรถแห่งอนาคต ที่อลิสได้นำมาให้เพื่อน ๆ รู้จักกันมากขึ้น กับค่ารถที่น่าจับตามองอย่าง BYD และใครที่ชื่นชอบ ดูซีรีย์เกาหลีย้อนยุค อลิสบอกเลยว่าหลายเรื่องเลย ตอนนี้ที่น่าดูสุด ๆ ไม่แพ้กับการ ดูซีรีย์ฝรั่งพากย์ไทย เลยค่ะ ดูเพลินสุด ๆ ไปเลย

แล้วพบกันใหม่นะคะ ในครั้งหน้า สำหรับวันนี้อลิสต้องของลาไปก่อน สวัสดีค่ะ

เขียนโดย อลิส

byd atto 3
byd atto 3 รถไฟฟ้าที่มาแรงสุด ๆ กวาดยอดจองไป 10,305 คัน ภายใน 1 เดือน

เรื่องราวของรถแบรนด์ byd atto 3 ในประเทศไทยจะเป็นอย่างไรบ้าง อัปเดตกันต่อที่นี่

byd atto 3 นี่เป็น รถไฟฟ้า รุ่นแรกครับ ที่จะเข้ามาทำการตลาดอย่างเป็นทางการ ในไทยจากค่าย byd ก่อนหน้านี้ถ้าเกิดใครตามข่าวเนี่ย เราได้ยินไปแล้วว่า มีตัวแทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วนะครับ กับค่าย byd ในไทย

แล้วก็รุ่นแรกครับ ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะเป็นรุ่นนี้แหละ ATTO 3 นะครับ เป็น B-SUV ขนาด 5 ประตู 5 ที่นั่งนะครับ ขนาดกำลังพอดีเลย ผมคิดว่าขนาดนี้ รถไซซ์นี้ มีตลาดชัดเจนในเมืองไทยนะครับ แล้วก็เป็นไฟฟ้า 100% ด้วย ก่อนหน้านี้กระแสของรถ EV เนี่ย มาแรงอย่างมากในไทยนะครับ หลายคนมองหาตัวเลือก ซึ่งก็ยังมีตัวเลือกไม่ได้เยอะมากสักเท่าไหร่นะครับ

เรากำลังจะมีตัวเลือกใหม่ จากค่าย byd นี่แหละ อีกหน่อยจะตามเข้ามาอีกหลายรุ่นเลย แล้วก็รุ่นแรกที่เข้ามาก็น่าสนใจมาก ๆ ด้วย คือเห็นตัวจริงแล้วก็สวยมาก ๆ นะครับ ทั้งข้างหน้าข้างหลัง มิติมาลงตัวไปหมดเลยนะครับ รวมถึงทาง byd เองก็มี ชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านเทคโนโลยี ของแบตเตอรี่ไฟฟ้าของเขา ที่เรียกว่า Blade Battery

BYD ATTO 3 Extended

รูปรถคันนี้เป็นสเปคจริง ที่ขายในเมืองไทย

byd atto 3 เราจะเห็นว่า Option ต่าง ๆ ที่ให้มาเนี่ย จัดเต็มขนาดไหน รวมถึงการขับขี่จริงจะเป็นยังไงบ้าง ลองมาดูกันครับ

เริ่มจากพาดูด้านหน้าเลยเนอะ ผมว่าอันนี้เป็นรถที่ออกแบบมา ได้ลงตัวมากเลยนะครับ พอเป็นรถ EV เนี่ยก็ไม่ได้มีช่องดักอากาศ บริเวณกระจังหน้านะครับ ให้มันเกะกะสายตาอย่างใดนะครับ แล้วก็ตัดสินใจทำดีไซน์ ให้มันเรียกไปเลยนะครับ แล้วก็โดดเด่นด้วยโลโก้ BYD ตรงกึ่งกลางแบบนี้นะครับ ไฟหน้าสวยจริง นี่เป็นไฟหน้า LED เต็มระบบ

แล้วก็ Day Time Running Light ทำให้สวยงามมาก ๆ เลยนะครับ โดยรวมคือเขาต้องการความคลีนแหละ แล้วก็สิ่งที่มันเป็นผลพลอยได้ตามมา ก็คือมันออกแบบได้สวยคือสะดุดตานะครับ ถ้าเปรียบเทียบกับ B-SUV ไซซ์เดียวกันที่ทำตลาดในประเทศไทย ผมคิดว่านี่สวยอันดับต้น ๆ เลยนะ

ก่อนที่จะพาไปดูรายละเอียดต่อ ต้องเล่าไปที่เมืองจีนด้วยนะครับ ว่าทาง byd เนี่ยจริง ๆ แล้วเขาทำตลาดรุ่นนี้ ในประเทศจีนด้วยนะครับ ในชื่อ Yuan Plus นะครับ แล้วก็มาทำตลาดของประเทศ กลุ่มพวงมาลัยขวาครับ

ก็คือบ้านเราเนี่ย ก่อนหน้านี้ก็จะออสเตรเลียทำไปแล้วครับ สิงคโปร์ก็เปิดตัวไปแล้วเช่นเดียวกันนะครับ ดังนั้นเราจึงได้ผลพลอยได้ จากการที่เขาขึ้นไลน์ผลิตทางฝั่งของรถพวงมาลัยขวา

สเปคคร่าว ๆ ของรถรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร พอเขาขึ้นไลน์ผลิตเป็น Mass Production แบบนั้น ก็เลยมาทำตลาดในประเทศไทย ไปพร้อมกันด้วยเลยนะครับ ทีนี้สเปคของประเทศไทย ตัว รถไฟฟ้า byd จริง ๆ จะมี 2 สเปคด้วยกัน ก็คือมีรุ่นแบตเตอรี่ใหญ่ 480 km. กับรุ่นแบตเตอรี่เล็ก 410 km.นะครับ

BYD

ตัวนี้ที่เข้ามาทำตลาดเมืองไทย ก็มาทั้ง 2 สเปค ไว้เป็นทางเลือก มี 480กิโลเมตร และ 410 กิโลเมตร แล้วราคาห่างกันเยอะไหม ?

  • BYD ATTO 3 Extended range ราคา 1,199,9900 บาท ความจุแบตเตอรี่ วิ่งได้ 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม มี 5 สีให้เลือก
  • BYD ATTO 3 Standard range ราคา 1,099,9900 บาท ความจุแบตเตอรี่ วิ่งได้ 410 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม มี 2 สีให้เลือก

ตามมาตรฐาน NEDC. หรือว่า 430 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นะครับ ดังนั้นในเมืองไทยเนี่ย อาจจะไม่ได้บอกวันนี้เป็นรุ่นย่อย หรือว่ารุ่นอะไรนะครับถ้าเกิดเราไปดูสเปคของต่างประเทศ จะเห็นว่าเขาแบ่งออกเป็นหลายรุ่นเหมือนกันนะครับ ตัวนี้เอาเข้ามาในไทยเนี่ย รุ่น Top เท่านั้นนะครับ

ทำให้เราได้ Option แบบจัดเต็มเลยนะครับ ก็คือได้ Radar ADAS รอบคันนะครับ กล้อง 360 องศา ได้ล้อ 18 นิ้วนะครับ คือไม่ใช่ฝาครอบล้อนะ อันนี้เป็นล้อแม็กจริงๆนะครับ 18 นิ้วซึ่งทำได้ลายสวยงามมาก คือไลน์มันน่ะถ้ามองเผิน ๆ จะเหมือนกับเป็นลายคาร์บอนไฟเบอร์ แต่จริง ๆ ไม่ใช่ มันเป็นลายล้อแม็กนี่แหละ

แล้วก็กึ่งทึบกึ่งโปร่ง เพื่อที่จะประหยัดพลังงาน ในตอนที่เราขับเคลื่อนนั่นเองนะครับ จะติดนิดเดียวก็คือ รถที่มาจากเมืองจีนน่ะ เขาก็จะติดยางจีน BAtman มาให้ ยางที่เราเห็นนี้เราอาจไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้คุณหูมาก่อนแน่ ๆ นะครับ ดูแล้วก็เป็นยางยี่ห้อ atlas รุ่น Batman ซึ่งยางรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ส่งออกไปยังทวีปยุโรป ดังนั้น ทำให้เรามั่นใจได้ครับ

เรื่องของยาง เป็นยางขอบ 18 นิ้วนะครับ ถือว่าให้มาไซซ์ใหญ่และจัดเต็มเลยนะครับ แต่ว่าตัวอย่างเนี่ย เดี๋ยววิ่งแล้วนุ่มแข็งยังไง เดี๋ยวเรามาดูกันตอนที่เราขับขี่นะครับ อีกส่วนหนึ่งที่สะดุดตามากนะครับ ก็คือบริเวณฝาชาร์จของเขานะครับ ที่มีดีไซน์ของคิ้วตรงนี้เขียนว่า BYD Design นะครับ เป็นคิ้วขอบข้างที่ทำมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวนะครับ

ซึ่งดีไซน์นี้มันยาวเข้ามา ที่บริเวณฝาช่องชาร์จด้วยนะครับ ทำให้เราสับสนนิดนึงนะครับ ถ้าเกิดเราไม่ได้เป็นเจ้าของรถหรือว่าพึ่งมาใช้ครั้งแรก เราจะรู้สึกว่าเปิดฝาชาร์จเนี่ย จะต้องกดที่ตรงนี้แน่เลย เพราะว่ามันเว้าเข้าไปใช่ไหมครับ หากกดบริเวณนั้นจะไม่ค่อยออก

ถ้าจะเปิดฝาชาร์จต้องกดตรงกลางนิดนึงถึงจะออก ขัดแย้งกันนิดนึงนะครับ ตรงช่องชาร์จนี้นะครับ ก็เป็นมาตรฐานของไทยและก็คือ AC ด้วย Type 2 แล้วก็ DC ด้วย CCS Type 2 ตัว DC เนี่ยรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 80 kW นะครับ ขนาดแบตเตอรี่ของรุ่นนี้ที่ขายในไทย

จะอยู่ที่ประมาณ 60 kWh นะครับ ก็อย่างที่เขาเคลมไว้ก็คือชาร์จเต็ม 1 ครั้ง จะวิ่งได้ไกลประมาณ 430 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP นะครับ วิ่งจริงถึงไม่ถึงแค่ไหน อาจจะตอบไม่ได้ 100% เนื่องจากอาจจะต้องวิ่งลงถนนจริง สำหรับวันนี้จะมาทดสอบกัน ก่อนที่รถคันนี้จะเปิดจอง เป็นทางการอีกครั้งนะครับ เพราะตอนนี้ปิดรับจองไปแล้ว TT

byd atto 3

พาชมรอบตัวรถ แอทโต้ ทรี มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ byd atto 3 ด้านข้างสวยลงตัวเลย ก็คือบริเวณเส้นสายของหลังคาตรงนี้ สังเกตไหมครับว่าด้านหลังลาดลงนะ มีความสโลปลงนะครับ คือไม่ได้เป็น B-SUV ที่เป็นกล่องนะครับ สโลปลงเพื่อความสปอร์ตนะครับ เข้ามาจดด้านท้ายตรงนี้นะครับ แล้วก็มีดีไซน์ที่เราไม่เคยเห็นกับรถ SUV รุ่นไหนมาก่อน

ก็คือบริเวณนี้ครับ เขาเรียกว่าเกล็ดมังกร ตามสไตล์ของรถจีนเลยนะครับ ถ้าเกิดมาดูเนี่ยเราจะเห็นว่า เขามีดีไซน์เป็นเว้า ๆ เข้าไปนะครับ เหมือนเกล็ดปลาเหมือนเกล็ดมังกรนะครับ อยู่ด้านข้างตรงนี้นะครับ อันนี้ทำเพื่อความสวยงามอย่างเดียว จะบอกว่าไม่ได้มีประโยชน์ทางด้าน Aerodynamic ก็ยังได้เลยนะครับ

แต่สังเกตอีกอย่างนึงไหมครับว่า พื้นที่ของประตูหลังกว้างมากเลยอะ ประตูหลังยาวมากนะครับ เดี๋ยวเราต้องไปดูข้างในกันต่อว่า แบบช่องวางขา ของประตูหลังเป็นยังไงนะครับ เดี๋ยวเข้ามาดูข้างในครับ มาดูด้านท้ายกันก่อนนะครับ ก่อนหน้านี้มีคนถามเหมือนกันว่า BYD ย่อมาจากอะไรยี่ห้อนี้นะครับ

เอาเป็นว่าไม่ต้องเถียงกันนะครับ เพราะว่ารุ่นที่ขายในเมืองไทย ด้านหลังจะเป็นแบบนี้เลยนะครับ ก็คือจะเขียนว่า Build Your Dream นะครับ นี่คือ BYD นั่นเองนะครับ เหมือนกับอันนี้เป็นสเปคที่เขาขายในตลาดสากลนะครับ ในตลาดต่างประเทศเนี่ยก็จะทำแบบนี้นะครับ Build Your Dream

แล้วก็จะมีชื่อรุ่น ATTO 3 ตรงท้ายริม ๆ ข้างครับ ด้านซ้ายตรงนี้เล็ก ๆ มีเขียนว่า EV ให้บอกนิดนึงว่า นี่เป็นขุมพลังไฟฟ้า 100% นั่นเอง ความโดดเด่นของด้านท้ายนี้ก็คือ ไฟท้ายอย่างแน่นอนอยู่แล้วนะครับ เขาออกแบบเป็นเส้นเดียวเลยนะครับ จากตรงนี้ซ้ายสุดจรดไปถึงขวาสุดเลยนะครับ เขาบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจจากปีกมังกร!!

ตอนที่ไปท้ายติดเนี่ย เรียกว่าสวยงาม โดดเด่นบนท้องถนนมาก ๆ นะครับ ลาดลงมามีสปอยเลอร์ ที่ยื่นออกมาค่อนข้างเยอะนะครับ แล้วก็กระจกหลังเนี่ยมี ใบปัดน้ำฝนหลังมาให้ด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าเกิดเราขับขี่ ตอนที่ช่วงฝนตกอย่างนี้ ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดนะครับ ด้านล่างบริเวณ Diffuser ทำได้เรียบเลยทีเดียว

ผมว่าดีไซน์ลงตัวมาก คือเป็นรถที่สวยทั้งหน้าแล้วก็ข้างหลัง สำหรับไฟท้ายนะครับ ตอนที่เรากดปลดล็อก ดูทั้งไฟเลี้ยว แล้วก็ไฟท้ายตรงกลางนะครับ ก็ถือว่าเท่มากเลยครับ โดดเด่นมากนะครับไฟเลี้ยว Sequential ด้วย

แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ สำหรับใครที่บอกว่า อยากจะทดลองขับขี่ รถ ev อย่างคันนี้ สามารถทดลองขับได้ ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ ไม่ต้องเขินนะครับ เขาจะมีน้อง ๆ เซลล์พาทดลองขับ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมไป ทั้งเรื่องสเปค และ ตาราง ผ่อน ยังไงก็ถือว่า เป็นรถที่น่าสนใจสุด ๆ เลยล่ะ

สำหรับครั้งหน้า อลิสจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับ byd seal ที่เขาเคลมมาว่า มันสามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 700 กิโลมตร และที่สำคัญ ดีไซน์มันสวยสุด ๆ ไปเลยล่ะ อย่าพลาดเลยนะ

ก่อนจะลาขอแนะนำเพื่อน ๆ รู้จักกับ dooseries สำหรับใครที่ชื่นชอบ การดูซีรีส์เร้าอารมณ์ ไปกับหลากหลายเรื่องที่น่าติดตาม ก็ขอบอกเลยว่า ดูฟรี แถมยังชัดสุด ๆ เสียงมาเต็มอีกด้วย ดูซีรีย์ HD ต้องไม่พลาดนะ

เขียนโดย อลิส