byd คืออะไร มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น จะได้คุยกับเพื่อนได้รู้เรื่อง
byd คืออะไร ในช่วงปลายปี 2022 หลาย ๆ คนคงจะได้เคยเห็นข่าว ของค่าย รถไฟฟ้า BYD ออกมาสักพัก แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเลย ที่ไม่รู้จักว่า บีวายดี คืออะไร วันนี้อลิสจะมาให้ข้อมูลเพื่อน ๆ ได้รู้จักกับค่ายรถไฟฟ้านี้ให้มากยิ่งขึ้นค่ะ
สำหรับ byd ชื่อเต็ม ว่า “Build Your Dream” เป็นค่ายรถที่เป็นสัญชาติจีนแท้ ๆ ที่ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ เอาง่าย ๆ เลยถ้าเทียบค่ายรถ ที่ผลิตรถไฟฟ้าแล้วละก็ เป็น 1 ใน 3 ของโลกที่มียอดขายและผู้ใช้งานมากที่สุด แต่ก่อนที่จะมาเป็นบีวายดี อย่างที่เราเคยเห็นกัน ในรูปแบบของรถไฟฟ้า ในปี 2002 นั้น เป็นบริษัทที่ผลิต และจำหน่ายแบตเตอรี่ ของโทรศัพท์มือถืออย่าง NOKIA และ MOTOROLA
และเพื่อน ๆ เชื่อไหมว่า ภายในช่วงระยะเวลาเพียงไม่นาน ไม่ถึง 10 ปีนะ ก็ได้ครองส่วนแบ่ง ทางการตลาดแบตเตอรี่มือถือ ไปถึง 50% เลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ขึ้นแท่นเป็น ผู้ผลิตแบตเตอรี่เจ้าใหญ่ที่สุด ในประเทศจีนอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
byd คืออะไร มาทำความรู้จัก ให้มากขึ้นกันอีกขั้นดีกว่า
BYD ประวัติ ผู้บริหารนั้นชื่อคุณ Wang Chuanfu สตอรี่ของเค้านั้น ก็มีความเป็นมาอย่างน่าสนใจ เพราะในตอนเด็ก ๆ นั้น เค้าไม่ได้เกิดมา ในครอบครัวที่เพียบพร้อม หรือฐานะที่ดี แต่ด้วยความที่เติบโตมากับ ครอบครัวที่ยากจน ตัวเค้าเอง ไม่เคยด้อยค่าให้กับสิ่งเหล่านั้น เค้ากลับผลักดันตัวเอง ให้มีความรู้ ความสามารถ จนเรียนจบปริญญาโทมหาลัย Beijing Non-Ferrous Research Institute อีกด้วย
หลังจากที่เรียนจบ ก็ได้มาทำงานที่เกี่ยวกับเรื่องของการวิจัยแบตเตอรี่ จนเค้าเก็บเงินได้ก้อนนึง ในปี 1995 จึงเริ่มเปิดบริษัทที่ชื่อว่า BYD Company Limited ขึ้นมา ซึ่งบริษัทนี้นี่แหละ ที่เป็นจุดกำเนิดของ การผลิตแบตเตอรี่แบบลิเทียมไลออน ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้
เวลาผ่านไป แต่การพัฒนานั้น ไม่ได้หยุดนิ่ง กลับมีส่วนแบ่งทางการตลาด ของแบตเตอรี่ มากที่สุดในประเทศจีน ทำให้เค้านั้นเริ่มมองหา รถไฟฟ้า ที่จะใช้แบตตารี่ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของบริษัท ก็ซื้อ บริษัทรถยนต์ Tsinchuan Automobile และทำการเปลี่ยนชื่อเสร็จสรรพเป็น BYD Auto ไปเลยสิคะ ซึ่ง byd ชื่อจีน ไม่มีนะ เค้าจะเรียก บีวายดี เหมือนเรา ๆ นี่แหละ
ผ่านมาจนปี 2008 การพัฒนาไม่หยุดยั้ง ในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ต้องทำงานร่วมกันกับรถไฟฟ้า ซึ่งในตอนนั้น ยังคงเป็นเพียงรถแบบปลั๊กอินไฮบริด หรือที่เรารู้จักว่า PHEV เป็นคันแรกของโลกได้ ย้ำ คันแรกของโลก ทำเอาทั้งคน จีน เอง หรือแม้แต่ต่างชาติ ก็ให้ความสนใจแบบสุด ๆ และรถรุ่นนั้น มีชื่อว่า BYD Auto’s F3DM PHEV-60 hatchback
ความน่าสนใจของการพัฒนา ไม่ได้สูญเปล่าเลย กลับมีนักลงทุน ชาวต่างชาติชื่อดังอย่าง คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์ เข้ามาร่วมลงทุน ด้วยเงินจำนวนว่า 7,000 ล้านบาท และนี่จึงเป็นก้าวที่สำคัญ ที่ทำให้ BYD ได้ถูกพัฒนามากขึ้นในทุก ๆ ปี รวมถึงมีคนรู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศจีนเอง หรือต่างประเทศ
การส่งออกรถไฟฟ้า เป็นในรูปแบบรถขนส่งอย่าง รถราง รถแท็กซี่ รถบัส รถตู้ และอื่น ๆ ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี จากหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงทางทวีปยุโรปอีกด้วย เป็นยังไงล่ะ ก็น่าจะทราบกันดีว่า ถ้าไม่เจ๋งจริง ทางยุโรปไม่ได้นำเข้าง่าย ๆ นะ
3 รุ่นรถ EV จากค่าย BYD ที่กำลังนำเข้ามา ตีตลาดในประเทศไทย
เรื่องราวสนใจเกี่ยวกับรถไฟฟ้า ที่เพิ่งเข้าไทยมาได้สักพักหนึ่ง กับค่ายที่น่าสนใจจากจีน อย่าง BYD วันนี้เราจะมารีวิวฉบับสั้น ๆ ของรถจากค่ายนี้กัน ขอเริ่มต้นกันที่รุ่น ATTO 3 รูปร่างอาจจะดูแล้วคล้าย ๆ BYD e6 2022 สำหรับค่าย BYD นั้นถ้ามีรถจำนวน 2 ตระกูลหลัก เคยเป็นรถไฟฟ้าพื้นฐาน e-Platform 3.0 มาเริ่มต้นกันที่ภายนอกของรถกันก่อน
กับ รถ ไฟฟ้าประเภท B-SUV อย่าง byd auto 3 โดยมีรูปร่างคล้ายคลึงกับหน้ามังกร ในส่วนของไฟหน้าก็จะใช้ไฟ LED ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟสูง หรือว่าไปต่างก็ตาม และสำหรับไฟ DRL ที่บริเวณกระจังหน้านั้น ก็จะมาในรูปแบบติดทึบ โดยเป็นจุดเด่นของรถไฟฟ้าอยู่แล้ว ตรงบริเวณด้านหน้าส่วนของป้ายทะเบียน
ก็จะมีช่องสำหรับรับอากาศ เป็นส่วนที่นำความร้อนจากแบตเตอรี่ออกมา แล้วก็ความร้อนของมอเตอร์ ในขณะที่ขับเคลื่อน โดยที่ตรงกลางนั้นก็จะเป็นเรดาร์ ในส่วนของความปลอดภัยของตัวรถนั่นเอง สำหรับด้านหน้าของตัวรถนั้น ก็จะพบการออกแบบลายเส้น ที่ส่งผลให้ยกหลังคา ในส่วนหน้าให้สูง
แล้วก็จะลาดลงไป ที่บริเวณหลังรถนั่นเอง เป็นตัวส่งเสริมเรื่องพื้นที่ ของห้องโดยสาร ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และยังมีผลทางด้านอากาศ พลศาสตร์อีกด้วย วัดระยะจากความสูง ที่พื้นจนถึงแบตเตอรี่ อยู่ที่ 175 มิลลิเมตร ต่อมาก็จะเป็นในส่วนของไฟเลี้ยว
ซึ่งจะติดอยู่บริเวณกระจกมองข้าง และมีกล้องที่สามารถมองได้รอบคันแบบ 360 องศามาให้ด้วย สำหรับการสตาร์ทเครื่องนั้น ก็ทำได้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นก็คือระบบ NFC ซึ่งจะเป็นคีย์การ์ดของรถนั่นเอง การจัดแบบปลดล็อกรถนั้น สามารถทำได้ที่กระจกมองข้าง
ส่วนของหลังคา ก็จะเป็นแบบ Panoramic Sunroof แน่นอนว่า ใช้ระบบไฟฟ้าในการเปิดปิด โดยการใช้ปลายนิ้วแตะที่ปุ่มเท่านั้น ที่สำคัญยังมีราวหลังคา ใช้สำหรับติดตั้งสัมภาระเพิ่มเติม หากคุณต้องการขนสัมภาระไปด้วย
และนอกจากนี้ มีระบบป้องกันการหนีบ ของกระจกข้างทั้ง4 บาน รวมถึงประตูท้ายไฟฟ้า และบริเวณด้านท้าย ก็จะมีชื่อเต็มของ byd อ่านว่า บิ้วท์ ยัวร์ ดรีม ตรงตัวนั่นเอง เมื่อเปิดประตูท้ายก็จะพบเจอกับ ห้องเก็บสัมภาระ ขนาดความจุนั้นอยู่ที่ 440 ลิตร ในส่วนของพื้นที่บริเวณดังกล่าว ก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนฟังก์ชัน ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ได้รับความกว้าง หรือความลึกที่คุณนั้นพอใจ
เปิดเข้าไปด้านล่าง พื้นบริเวณดังกล่าว ก็จะมีอุปกรณ์ที่ทางโชว์รูมแถมมาให้ ซึ่งก็ได้แก่ แม่แรงยกรถ ป้ายเตือนและเสื้อสะท้อนแสง ชุดสำหรับปะยางไม่ว่าจะเป็น ปั๊มลมหรือว่าน้ำยาก็มีมาให้ด้วย
เบาะหลังก็สามารถที่จะพับนอนราบ 180 องศาได้ และสามารถปรับในส่วนแผ่นรอง ให้มีขนาดเท่ากับเบาะหลัง ที่นอนราบ สำหรับเบาะหลังนั้น ก็จะทับในรูปแบบ 60:40 ได้นั่นเอง และหากทับลงในแนวราบพร้อมกับแผ่นรอง ก็จะพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าว มีความจุถึง 1,340 ลิตร สำหรับความลึกนั้นก็จะอยู่ที่ 180 เซนติเมตร หากคุณเลื่อนเบาะหน้าไปจนสุดด้วยนะ
เตรียมจ่อเข้าเร็ว ๆ นี้อย่าง BYD รถ รุ่น Dolphin น่ารักปุ๊กปิ๊ก
ขอต่อกันที่รถรุ่นต่อไป ซึ่งก็เป็นรุ่นที่น่าสนใจเช่นกัน กับรถรุ่น dolphin เจ้าโลมาน้อย จากค่าย BYD สำหรับรุ่นนี้นั้น จะพบว่ามีความหวานขึ้น และมีความน่ารักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีม่วงหรือว่าสีชมพู ในส่วนของหน้าจอ ที่มีในรถก็ฟลิบได้เหมือนเดิม เชื่อมแอปเปิ้ลตาร์เพลย์ ดูซีรีย์ฝรั่ง ได้เลยล่ะ ที่วางของทั้งหมดดูน่ารัก
ในส่วนของกระจังหน้าจะเป็น 3 มิติมีโลโก้ byd ชุดโคมไฟหน้าก็ดูน่ารัก ตรงด้านหน้ารถ ก็จะดูคล้ายกับหัวกระสุน สมบูรณ์แบบทั้งเรื่องงานประกอบ และการทำสี สีรถตัวอย่างที่มารีวิวในวันนี้ รอบคันก็จะเป็นสีชมพู แต่ฝากระโปรงรถนั้นก็จะเป็นสีเทา ซึ่งก็เป็นสีที่ตัดกันได้ดี สำหรับรถรุ่น Dolphin
จะมีขนาดเล็กกว่า ATTO 3 อยู่นิดหน่อย เพราะฉะนั้นรถรุ่นนี้ย่อมมีราคาที่ถูกกว่า ATTO 3 อย่างแน่นอน มาดูที่สเปคของรถรุ่นนี้กัน เนื่องจากรถรุ่นนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวก่อน ATTO 3 แต่สุดท้ายแล้วก็เปิดตัวทีหลัง
ระยะการวิ่งอยู่ที่ประมาณ 405 ซึ่งก็เป็นมาตรฐาน NDC นั่นเอง 0-100 ประมาณ7-9 วินาที Top Speed จะอยู่ที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การชาร์จไฟฟ้ารองรับ Type 2 combo แล้วก็รองรับ AC DC ด้วย สูงสุดของ DC ก็รองรับมากถึง 60 กิโลวัตต์ บริเวณด้านข้างในส่วนของด้านบนล้อรถ จะตีเส้นขึ้นมาชัดเจน โป่งซุ้มล้อจะเป็นสีดำด้าน สำหรับลวดลายของล้อ ก็จะเป็นสีรถผสมกับสีโครเมียม
ซึ่งเอกลักษณ์ของรถ byd ตรงกระจกมองข้างจะเป็น NFC สามารถใช้คีย์การ์ดปลดล็อกรถ และล็อกรถได้ พร้อมกับมีกล้อง ที่กระจกมองข้าง บริเวณหลังคาก็จะเป็นสีกรอซ สำหรับมือจับประตูก็จะเป็น keyless
ปิดท้ายกันที่ รถ BYD รุ่น Seal รุ่นที่หลาย ๆ คนรอคอย น่าสนใจยังไง ตามมาดู
BYD รุ่น Seal แมวน้ำทรงพลัง สำหรับรุ่นนี้ ก็ออกแบบมาเป็นรถสปอร์ต ซึ่งก็มีดีไซน์ที่เรียบหรู สำหรับค่าภาษี ของแรงเสียดทาน จะอยู่ที่ 0.219 Cd เท่านั้น รูปแบบของตัวถังนั้น ก็จะมีการถอดแบบมาจาก Ocean-X concept ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้รถนั้น ดูหรูและดู dynamic ในทุกมุมมองนั่นเอง
แน่นอนว่าไฟหน้า เป็นแบบ LCD เป็นรูปทรงของตัว C นั่นเอง และส่วนของฝากระโปรงหน้า ก็มีความโค้งที่รองรับกับ ชุดไฟหน้าอีกด้วย เต้นสายบริเวณด้านข้างของตัวรถ ก็มีดีไซน์ที่เน้นไปที่ ความเพรียวบาง และในส่วนของมือจับประตู ก็ถูกออกแบบ ให้ราบเรียบไปกับตัวรถอีกด้วย
หลังคาบริเวณด้านท้าย ก็จะมีการลดเท ในรูปแบบของคูเป้นั่นเอง ในส่วนของไฟท้ายก็จะเป็น LED อีกเช่นกัน ซึ่งก็จะมีลักษณะเรียวยาว มีความทันสมัยแบบรถรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งไฟท้ายก็จะวางยาว เต็มพื้นที่บริเวณด้านท้าย พร้อมกันนั้นก็จะยังมี กันชนท้ายขนาดใหญ่
บริเวณล้อก็เป็นแบบอัลลอย มีสีในรูปแบบทูโทน ซึ่งลวดลายก็จะมีรูปร่าง คล้ายกับใบพัด ขนาดก็อยู่ที่ 18-19 นิ้ว สำหรับห้องโดยสารนั้น รูปแบบของดีไซน์ก็เหมือนกับอยู่ในมหาสมุทร ไม่ว่าจะเป็นส่วนของ ช่องระบายอากาศ ลวดลายจะมีลักษณะเป็นคลื่น และเพิ่มเติมด้วย การตกแต่งด้วยขอบสีน้ำเงิน
ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลกลาง คอนโซลหน้า เบาะนั่งแล้วก็แผงประตู ก็จะมีสีลักษณะดังกล่าวทั้งหมด ออกแบบเป็นรูปคลื่นด้วยเช่นกัน สำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นหนัง ก็จะใช้หนังเกรดพรีเมียม ซึ่งจะให้สีโทนสว่าง ซึ่งก็คือสีขาวนั่นเอง จุดเด่นที่น่าสนใจนั่นก็คือ มีหน้าจอ ซึ่งก็เป็นแท็บเล็ตขนาด 15.6 นิ้ว
แน่นอนว่า มันสามารถหมุนได้ และเป็นหน้าจอแบบ LCD มีขนาดความกว้างของหน้าจออยู่ที่ 10.2 5 นิ้ว พวงมาลัยเป็นแบบลาย 3 ก้าน multi function ตกแต่งด้วยหนังสีดำ ระบบเครื่องเสียง ก็จะมีลำโพงมาให้ถึง 10 ตำแหน่งด้วยกัน และหากเป็นตัวท็อป ก็จะใช้ลำโพงแบบ Dynaudio ซึ่งมีด้วยกันกว่า 12 ตำแหน่ง
อ่านมาถึงตรงนี้ หากจะถามว่า รถ byd ดีไหม ก็ตอบได้ไม่ยาก ว่าเป็นรถที่ดีและน่าสนใจสุด ๆ เนื่องจากมีราคาที่ไม่แพงมาก หากเปรียบเทียบกับ tesla ติดทางรถไฟฟ้าแบบเต็มระบบ นี่ก็เป็นพลังงานสะอาด และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากในอนาคต แทบทุกปั๊มน้ำมัน จะสามารถที่จะชาร์จไฟฟ้าได้
ก็น่าจะซื้อไว้สักคัน เพื่อทดแทนรถแบบน้ำมัน เนื่องจากพลังงานไฟฟ้านั้น สามารถหาได้ง่ายกว่าน้ำมันนั่นเอง สำหรับ byd ใครนําเข้า ในไทย ซึ่งก็คือบริษัท เรเวอร์ ออโตโมทีฟ และยังมีโชว์รูมที่จำหน่ายทั่วประเทศในตอนนี้ถึง 33 แห่ง ซึ่งภายในปี 2566 นี้จะขยายโชวฺรูมเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ทั่วประเทศอีกด้วย
ใครบอกว่าสนใจ อยากทดลองขับ ก็สามารถค้นหาโชว์รูมใกล้บ้าน เพื่อเข้าไปชมรถ ทดลองขับจริง ๆ ก่อนตัดสินใจได้เลยล่ะ แล้วพบกันใหม่ในครั้งหน้า จะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับเรื่องของ แนะนำ รถแห่งอนาคต ที่น่าสนใจ รุ่นใดกันต่อ ฝากติดตามชมด้วยนะคะ ตอนนี้ต้องขอตัวไปผ่อนคลายกับการ ดูซีรีย์ญี่ปุ่น สักเรื่องก่อน สวัสดีค่ะ
เขียนโดย อลิส